10 หุ้นราคากระฉูดทะลุฟ้า กวาดรีเทิร์นเกิน 100%

เปิดชื่อ 10 หุ้นเด่น ราคากระฉูดทะลุฟ้า กวาดรีเทิร์นเกิน 100% ภายใน 9 เดือน ด้านปัจจัยพื้นฐานยังแกร่ง แนวโน้มผลประกอบการโดดเด่น


เปิดชื่อ 10 หุ้นเด่น ราคากระฉูดทะลุฟ้า กวาดรีเทิร์นเกิน 100% ภายใน 9 เดือน ด้านปัจจัยพื้นฐานยังแกร่ง แนวโน้มผลประกอบการโดดเด่น

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นเกิน 100% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 นับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.58 จนถึงวันที่ 30 ก.ย.59 ซึ่งได้คัดเลือกมาทั้งหมด 10 บจ. ดังนี้

ตารางแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น

 

สำหรับหุ้น 5 อันดับแรกมีดังนี้

อันดับ 1 บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ราคาช่วง 9 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 211.69% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.54 บาท บวก 3.26 บาท มาอยู่ที่ 4.80 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59

โดยนายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 60 รายได้จะเติบโตราว 10-20% จากปีนี้ที่รายได้มีโอกาสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2 หมื่นล้านบาท ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเนื้อสัตว์ดีขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะพุ่งขึ้นเป็นสูงกว่า 10% จากราว 8.8% ในปีนี้ และยังเตรียมออกหุ้นกู้ราว 1 พันล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานใหม่ โดยการเติบโตของรายได้ได้รับอานิสงส์จากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

อันดับ 2 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ราคาช่วง 9 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 179.82% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 28.50 บาท บวก 51.25 บาท มาอยู่ที่ 79.75 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59

โดย บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MALEE ปรับราคาเป้าหมายเป็น 98 บาท/หุ้น จากแนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้นทั้งในประเทศและในตลาดส่งออก และอัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น เห็นได้จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 อัตรากำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 10% จากการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น (อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น) และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลดลง แม้แบ่งกำไรจากการร่วมทุนในฟิลิปปินส์ยังคงต่ำมากอยู่ที่ 0.25 ล้านบาท แต่คาดว่าน่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ หลังจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มในร้านสะดวกซื้อ

ทั้งนี้ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายในปี 59-61 เป็น 24% จากเดิม 22% จากรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งจากตลาดในประเทศและในตลาดส่งออก โดยยอดขายในประเทศน่าจะเติบโตราว 5-10% จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวและกระแสความนิยมการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมะพร้าว คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการส่งออก จะเติบโตราว 30% ตามตลาดน้ำมะพร้าวโลก

ขณะที่ในปี 59-60 คาดว่า EBITDA margin จะฟื้นตัวได้ดีจากต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ลดลง หลังอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น MALEE สามารถส่งผ่านต้นทุนมะพร้าวที่เพิ่มขึ้นต่อไปให้กับผู้บริโภคได้ด้วยการปรับสัญญาระยะสั้น ซึ่งต้นทุนน่าจะลดลงจากการเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวในครึ่งปีหลัง และยังเชื่อมั่นในแผนการเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในเอเซีย

 

อันดับที่ 3 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ราคาช่วง 9 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 168.39% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท บวก 2.61 บาท มาอยู่ที่ 4.16บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59

โดยนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรช่วงครึ่งปีหลังของ BIG จะยิ่งน่าประทับใจ นั่นคือสัดส่วนกำไรครึ่งปีแรก : ครึ่งปีหลังเป็น 45%:55% เพราะย่างเข้าสู่ฤดูกาลที่ดี (High Season) กับธุรกิจกล้องถ่ายภาพ รวมทั้งจะมีงานแฟร์ใหญ่ 2 งาน คือ Big Camera Big Pro Day และ Photo Fair 59 ทั้งนี้คงประมาณการไว้เดิม และแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานก็คงไว้ที่ 5.50 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 20 เท่า ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มได้อีก 14%

 

อันดับที่ 4 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)หรือ THAI ราคาช่วง 9 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 156.52% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.20 บาท บวก 14.40 บาท มาอยู่ที่ 23.60 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59

โดยนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FAA จะปรับระดับมาตรฐานการบินของไทยจาก Category 2 ขึ้นเป็นระดับ Category 1 จะทำให้สายการบินไทยสามารถทำการบินเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้เดือน ต.ค.นี้ โดยที่ไม่ต้องรอให้มีการปลดล็อคธงแดง จากองค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ในปี 2560

ทั้งนี้จะเริ่มเป็นสัญญาณที่ดีกับอุตสาหกรรมการบินของไทย แต่เป้าหมายใหญ่ที่สำคัญกว่าคือ การปลดล็อคธงแดง จากองค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ในปี 2560 เพราะหากกระทบไปยังหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากเรื่อง FAA ก็จะมีเฉพาะ THAI ส่วนบริษัทอื่นๆในตลาดฯ ก็ไม่ได้เน้นตลาดสหรัฐฯ เช่นสายการบินแบบประหยัด (Low Cost Airline) เช่น AAV และ NOK ก็เน้นตลาดภายในประเทศ สำหรับ AAV ตลาดต่างประเทศก็เน้นแต่จีน หรือ Boutique Airline อย่าง BA ก็ไม่ได้เน้นตลาดสหรัฐฯ แต่เน้นตลาดในประเทศ โดยเฉพาะสมุย และประเทศในโซนเอเซีย ตะวันออกกลาง  แม้กระทั่ง THAI เอง ปัจจุบันก็ไม่ได้บินไปสหรัฐฯ แต่จะพิจารณากลับไปเปิดบินหรือไม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความต้องการของตลาด เนื่องจากต้องการขยายฐานลูกค้า

ทั้งนี้แนะนำถือ THAI  ราคาพื้นฐาน 25.40 บาท ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 3% ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบจาก ICAO ทางรมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้กล่าวว่ามีแนวโน้มสูงที่จะปลดธงแดงในอนาคต มีการชื่นชมในการแก้ปัญหาของไทยทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

 

อันดับที่ 5 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ราคาช่วง 9 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 139.77% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 8.55 บาท บวก 11.95 บาท มาอยู่ที่ 20.50 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59

โดยนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นTKN จะปรับตัวดีขึ้น คือปี 59 เป็น 36.1% และปี 60 ที่ 36.5% เทียบกับปี 58 ที่ 35.4% อีกทั้งการรุกตลาดด้วยแผนการตลาดใหม่ๆ รวมทั้งการเปิดโรงงานแห่งใหม่ เราจึงคาดว่ายอดขายภายในประเทศจะมีการเติบโตดีปีนี้และปีหน้าเป็น 25% และ 20% ตามลำดับ

ทั้งนี้คงคำแนะนำ ซื้อ TKN ด้วยราคาพื้นฐานสูงถึง 32.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 38 เท่า หรือเทียบเท่า PEG ที่ 1 เท่า คาดว่าอัตราการเติบโตกำไรของบริษัทอยู่ในเกณฑ์สูงสำหรับปี 59 และ 60 ที่อัตรา 79% และ 63% ตามลำดับ ด้วยปัจจัยบวกจากยอดขายที่เติบโตดี ด้วยอุปสงค์ที่มากและการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ออกมาตอบสนอง รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

 

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าจับตาว่าราคาหุ้นของบจ.ดังกล่าวจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกหรือไม่ หากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 ที่จะทยอยประกาศออกมาเป็นไปในทางที่ดีก็อาจจะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับข่าวดีได้ แต่หากผลการดำเนินงานลดลงอาจจะยิ่งกระทบต่อราคาหุ้นในด้านลบ เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากแล้ว เสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไร

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button