STA อู้ฟู่! ราคายางฟื้นตัว หนุนกำไรปีนี้เทิร์นอะราวด์

STA อู้ฟู่! ราคายางฟื้นตัวหนุนกำไรปีนี้เทิร์นอะราวด์กว่าพันล้านบาท ด้าน โบรกฯ มองปี 60-61 อุปสงค์ยางโลกสูงกว่าอุปทานเป็นปัจจัยบวกโดยตรง ฟันเป้าสูงสุด 33.30 บ./หุ้น อัพไซด์เพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA หลังจากสังเกตเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันที่ 5 เม.ย.60 โดยราคาปิดตลาดอยู่ที่ 19.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.60 บาท หรือ 3.16% ด้านมูลค่าซื้อขาย 647.70 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 33.30 บาท อยู่ 69.89%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้นมีสาเหตุมาจาก STA ได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคายางพาราทั้งตลาดสงขลาและ SICOM หลังจากปรับลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากเข้าสู่ช่วงปิดหน้ายาง ด้าน โบรกฯ คาดว่าในปี 60 บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งหลังจากปีก่อนมีผลขาดทุน 757.99 ล้านบาท จากราคายางยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในปี 60-61 อุปสงค์ยางโลกยังสูงกว่าอุปทาน ขณะที่มองว่าการเข้าซื้อหุ้นบริษัทสยามเซมเพอร์เมด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยาง เพิ่มเป็น 90% จากเดิม 40% จะสามารถเพิ่มรายได้และยอดสั่งซื้อยางที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่แน่นอนได้มากขึ้น

 

โดยนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ STA ให้ราคาเป้าหมายที่ 33.30 บาท/หุ้น จากการอิงค่าเฉลี่ย 7 ปีของ P/BV ที่ 1.84 เท่า (+1.5SD) เนื่องจากราคายางยังคงมีทิศทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 60 และอุปสงค์ยางโลกยังสูงกว่าอุปทานในปี 60-61 ขณะที่ STA สามารถเพิ่มสัดส่วนแบ่งทางตลาดโลกจาก 9% เป็น 12% จึงให้ค่า P/BV ที่ +1.5SD เพื่อสะท้อน Upside Gain ที่อาจเกิดขึ้น และ STA ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.40 บาท

ขณะที่ราคายางในตลาด TOCOM เริ่มฟื้นตัว จากปรากฏการณ์ปิด Position ในตลาดล่วงหน้า โดยยังคงคาดการณ์เช่นเดิมว่าในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ราคายางน่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังเข้าสู่ฤดูยางผลัดใบส่งผลให้ผลผลิตบางส่วนหายไปจากตลาด มองเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มยางโดยตรง นอกจากนี้ STA ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือ 1) อุปทานยางธรรมชาติที่ออกสู่ตลาดปรับตัวลดลง 2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติมากขึ้น 3) ประเทศจีนมีการออกกฎหมายควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกสินค้า ส่งผลให้มีความต้องการซื้อรถบรรทุกใหม่เพิ่มขึ้น โดยที่ยางล้อรถบรรทุกมีการใช้ยางธรรมชาติในการผลิตสูงกว่ายางรถยนต์โดยสารถึง 5 เท่า 4) การถือหุ้นในบริษัทผลิตถุงมือยางจะเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางด้านรายได้ให้แก่บริษัท

ทั้งนี้คาดการณ์รายได้รวมปี 60 ที่ 1.13 แสนล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 46.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่ราคายางแท่งและปริมาณการขายคาดว่าจะมีการเติบโต จากการที่อุปทานที่เข้าสู่ตลาดโลกลดลง โดยที่คาดว่าจะมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ราว 6% และกำไรสุทธิที่ 1.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ STA ได้แจ้งต่อตลาดว่าจะทำการถือหุ้นในบริษัทสยามเซมเพอร์เมด จำกัด เพิ่มเป็น 90.2% ซึ่งเป็นบริษัทผลิตถุงมือยาง ซึ่งมีอัตราการผลิต Full Capacity และคาดว่าจะมีแผนการขยายการผลิตเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้แก่ STA ในด้านของรายได้ที่เพิ่มขึ้น และยอดสั่งซื้อยางที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่แน่นอนมากขึ้น และได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 1.7 ล้านตัน หรือโต 21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ STA ให้ราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท/หุ้น โดยความต้องการยางในตลาดโลกสูงขึ้นจากการเติบโตของยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกในจีน ขณะที่ STA มีการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้คาดว่าปีนี้ STA จะมียอดขาย 1.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านตันในปีก่อน และการเข้าซื้อธุรกิจถุงมือยางเพิ่มเติมจาก 40% เป็น 90% จะทำให้ผลการดำเนินงานมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว รวมทั้ง High Growth ด้วยแนวโน้มกำไรเติบโตสูง 612% ปีนี้เป็น 1.57 พันล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยให้ราคาเป้าหมาย STA ที่ 25.05 บาท/หุ้น คาดว่ากำไรในปี 60 จะ turnaround จากขาดทุนเป็นมีกำไรกว่า 1.7 พันล้านบาท จากภาวะอุตสาหกรรมที่ยังเป็นภาพของ Supply ที่มีจำกัด หนุนราคายางและปริมาณขายยังปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเริ่มรับรู้กำไรธุรกิจถุงมือยาง หลังจากเพิ่มสัดส่วนจาก 40% เป็น 90%

 

ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการเปรียบเทียบราคาเป้าหมายของหุ้น STA เมื่อคำนวนจากกำไรสุทธิจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ 3 บริษัทหลักทรัพย์ เทียบ P/E ที่ 20 เท่า และ 25 เท่า ได้ตามตารางดังนี้

จากตารางข้างต้น พบว่า บล.โนมูระ พัฒนาสิน คาดการณ์กำไรปี 60 ของ STA อยู่ที่ 1.70 พันล้านบาท เมื่อนำมาคำนวณกับจำนวนหุ้นจดทะเบียนจะมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.32 บาท และเมื่อคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่าจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 26.40 บาท/หุ้น และหากคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 25 เท่าจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 33.00 บาท/หุ้น

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์กำไรปี 60 ของ STA อยู่ที่ 1.60 พันล้านบาท เมื่อนำมาคำนวณกับจำนวนหุ้นจดทะเบียนจะมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.25 บาท และเมื่อคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่าจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 25.00 บาท/หุ้น และหากคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 25 เท่าจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 31.25 บาท/หุ้น

ส่วน บล.ธนชาต คาดการณ์กำไรปี 60 ของ STA อยู่ที่ 1.57 พันล้านบาท เมื่อนำมาคำนวณกับจำนวนหุ้นจดทะเบียนจะมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.22 บาท และเมื่อคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่าจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 24.40 บาท/หุ้น และหากคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 25 เท่าจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 30.50 บาท/หุ้น

Back to top button