JMARTธุรกิจฉายแววโตเด่น! Q2แจกปันผล0.18บ./หุ้น พ่วงอัพไซด์สูง

JMART ฉายแววธุรกิจโตแกร่ง! พร้อมแจกปันผล 0.18 บ. พ่วงอัพไซด์เพียบ ด้าน โบรกฯ เล็งปรับประมาณการกำไรเพิ่ม หลังประกาศงบไตรมาส 2/60 โตดีกว่าคาด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 มีกำไรเพิ่มขึ้น 45% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกกำไรเพิ่มขึ้น 38% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังประกาศเตรียมปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 ส.ค.60

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังมองว่า ธุรกิจหลักและธุรกิจรองยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรปีนี้มีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น JMART มีแนวโน้มว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกรอบ เนื่องจากราคาหุ้นก่อนหน้านี้ได้ปรับตัวลงมา ซึ่งจะส่งผลให้มีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 16.40 อยู่ 17.14% โดยปิดตลาดวานนี้ (15 ส.ค.) อยู่ที่ 14 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าซื้อขาย 195.05 ล้านบาท

 

โดย นายอดิศักดิ์  สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 กำไรสุทธิอยู่ที่ 148.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 102 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 4.9% ส่วนรายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 3,027.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,364.3 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 263.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 191.1 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.4% ส่วนรายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 5,978.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,853.3 ล้านบาท

ทั้งนี้เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มเจมาร์ทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจติดตามหนี้ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล พลิกกลับมามีผลกำไรแล้วในไตรมาส 2 ปีนี้

โดย JMART ประกอบธุรกิจโฮลดิ้งที่ลงทุนในธุรกิจหลากหลาย โดยเน้นในธุรกิจค้าปลีก สำหรับผลงานที่ออกมาอย่างโดดเด่น สะท้อนการเติบโตของบริษัทย่อย และการ Synergy ร่วมกันของบริษัทในกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มองกลยุทธ์และวางแผนการเติบโตของแต่ละธุรกิจในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการ Synergy ร่วมกัน จากนี้ไปกลุ่มเจมาร์ทจะยิ่งสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยจุดแข็งในเรื่องช่องทางค้าปลีกและฐานข้อมูลลูกค้ารายย่อยรวมกันใหญ่ที่สุดและมีอยู่ทั่วประเทศ สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ได้อีกมากมาย และมั่นใจเป้าหมายปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 438 ล้านบาท รายได้รวม 10,701 ล้านบาท” นายอดิศักดิ์ กล่าว

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อ JMART พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 16.40 บาทต่อหุ้น อิงวิธี SOTP ซึ่งราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาทำให้เริ่มเห็น Upside จากราคาเป้าหมาย

โดย JMART ประกาศกำไรไตรมาส 2/60 ที่ 148 ล้านบาท เติบโต 29% เทียบจากไตรมาสก่อนและ 45% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยรายได้จากการขายลดลง 1% เทียบจากไตรมาสก่อนแต่ยังเติบโต 13% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้การลดลงจากไตรมาสก่อนเป็นผลกระทบจากวันหยุดยาวซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล แต่เมื่อเทียบกับกำไรของปีก่อนเติบโตได้ดี เนื่องจากมีการจัดโปรโมชั่น Life Time Guarantee และการขายสินค้าผ่าน SINGER เพิ่มเติม รวมถึงการเปิดร้านขายกล้องซึ่งเป็นสินค้าใหม่

ส่วนรายได้จากติดตามหนี้สินและบริการอื่นเพิ่มขึ้นถึง 30% เทียบจากไตรมาสก่อน และ 71% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นจากเรียกเก็บหนี้ของพอร์ต Standard Chartered ซึ่งมีการรวบรายได้ในไตรมาส 1/60 ที่อยู่ระหว่างกระบวนการโอนสิทธิลูกหนี้เข้ามาในไตรมาสนี้ด้วย

ขณะที่รายได้ค่าเช่าค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน หลังจากในไตรมาสก่อนได้มีการรับรู้รายได้จากโครงการ The Jas ศรีนครินทร์เข้ามาเต็มไตรมาสแล้ว ส่วนในไตรมาสนี้ไม่มีรายได้จากโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

รวมทั้งสัดส่วนลูกหนี้ของ J Fintech ที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 8.05% จาก 7.07% ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตามอัตราการเพิ่มขึ้นไม่รุนแรงเท่ากับในช่วงไตรมาสก่อน ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญซึ่งรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงค่อนข้างมาก และผลการดำเนินงานของ J Fintech เองมีผลขาดทุนลดลงจากไตรมาสก่อนมาก

สำหรับส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัทร่วมลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของ SINGER ที่ไตรมาสนี้พลิกกลับมาเป็นกำไรแล้ว

ทั้งนี้คาดว่าการเติบโตของรายได้จากการขายนั้น นอกจากธุรกิจมือถือแล้ว ยังมีแรงหนุนจากการทยอยเปิดสาขาของธุรกิจกล้องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเห็นยอดขายกล้องเติบโตได้ดีและมีส่วนแบ่งยอดขายมากขึ้น

ส่วนรายได้จากธุรกิจ JMT นั้นมีแนวโน้มเติบโตจากพอร์ตหนี้ก้อนใหญ่ของ AEONTS และ Standard Chartered ที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาได้ในปีนี้

ขณะที่ธุรกิจของ J Fintech นั้น คาดว่าการเติบโตของรายได้อาจไม่เด่นนัก แต่การควบคุมคุณภาพหนี้จะทำให้กำไรปรับตัวดีขึ้น ในภาพรวมจึงมองว่าผลประกอบการปี 60 จะเติบโตได้ดี โดยคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 60 ที่ 551 ล้านบาท เติบโต 28% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ โดยปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ JMART พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 16 บาทต่อหุ้น ซึ่งปัจจุบันหุ้นเทรด P/E 24 เท่า บน กำไรปี 60 (fully diluted) ให้ส่วนลดเมื่อเทียบกับ กลุ่มค้าปลีก/สินเชื่อบุคคล ที่เทรด P/E 25-30 เท่า ทั้งนี้จากการที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลงส่งผลให้อัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายเปิดกว้างขึ้น

ทั้งนี้กำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรทั้งปี อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรเอาไว้ที่ 519 ล้านบาท แต่มีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้น หลังจากงบไตรมาส 2/60 ออกมาดีกว่าคาด

 

Back to top button