เปิด 10 หุ้นนลท.เก็งกำไรราคาพุ่งสนั่น! โชว์ 2 เดือนฟันรีเทิร์นเกิน 40%

เปิด 10 หุ้นนลท.เก็งกำไรราคาพุ่งสนั่น! โชว์ 2 เดือนฟันรีเทิร์นเกิน 40% นำโดย NPP,AEONTS, TRITN,VNT,ASAP,RSP,HUMAN,WICE,SOLAR และ KTC


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 29 ธ.ค.60-28 ก.พ.61 โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ปรับตัวขึ้น 4.36% โดยเทียบจากดัชนียืนอยู่ที่ระดับ 1753.71 จุด (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 1830.13 จุด ( 28ก.พ.61) บวกไป 76.42 จุด

โดยแรงซื้อที่เข้ามาหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน อาทิ แนวโน้มเศรษฐกิจที่เร่งตัวใน 1-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งความชัดเจนโครงการ EEC หลังสภานิติบัญญัญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาผ่านวาระที่ 3 และอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไปได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเอกชน และส่งผลต่อโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน นอกจากนี้นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลงานปี 60 จะออกมาสดใส และเก็งกำไรหุ้นก่อนประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 2560

โดยครั้งนี้จะขอนำเสนอราคาหุ้น SET ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 40% เป็นหลัก โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 10 ตัว คือNPP,AEONTS, TRITN,VNT,ASAP,RSP,HUMAN,WICE,SOLAR และ KTC โดยการนำเสนอข้อมูลประกอบการปรับตัวขึ้นแรงครั้งนี้จะขอเลือกนำเสนอ 5 อันดับแรกของตารางเท่านั้น

สำหรับอันดับ 1 บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น106.85% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 0.73 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 1.51 บาท (28 ก.พ.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรหุ้นเล็ก และประเด็นเพิ่มทุน PP เสนอขาย Asia Alpha Equity Fund 1 ซึ่งเป็นกองทุนย่อยของ Asia Alpha Equity Master Fund ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์

โดยบริษัทแจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 22 ม.ค.61 อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2.06 พันล้านบาท จากเดิมที่ 1.66 พันล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 400 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นละ 0.70 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 280 ล้านบาท จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) คือ Asia Alpha Equity Fund 1 ซึ่งเป็นกองทุนย่อยของ Asia Alpha Equity Master Fund ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ โดยมี Banjaran Asset Management Pte.Ltd. เป็นผู้จัดการกองทุน และเน้นการลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เกษตรกรรม เภสัชภัณฑ์ และอุตสาหกรรมการผลิตในภูมิภาคเอกเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ทั้งนี้ คาดว่าการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมี.ค.ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้นดังกล่าวต่อ Asia Alpha Equity Fund 1 แล้วจะทำให้ Asia Alpha Equity Fund 1 เข้ามาถือหุ้นคิดเป็น 24.9% ของทุนจดทะเบียน โดย Asia Alpha Equity Fund 1 จะไม่ส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการ และ/หรือผู้บริหารของบริษัท ดังนั้น จึงยังไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ขณะที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ห้ามขายหุ้น (silent period) โดยมีกำหนดระยะเวลาห้ามขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดภายใน 1 ปี

โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายกิจการ อีกทั้งยังมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยต่อยอดธุรกิจในอนาคตของบริษัท นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อและตราประทับของบริษัท โดยจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บมจ.เอ็นพีพี (ประเทศไทย)

 

อันดับ 2 บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 69.08% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 103.50 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 175.00 บาท (28ก.พ.61) เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจพื้นฐานธุรกิจบวกกับนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 202 บาท/หุ้น โดยคาดว่าปี 60/61 และ 61/62 มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น เนื่องจากบริษัทค่อยๆปรับวงเงินเครดิตลูกค้าดี (Good customers) เพิ่มเป็น 1.5 เท่า จากเดิมที่ให้ 1.0 เท่าของเงินเดือน และกำหนดวงเงินเครดิตสูงสุดสำหรับลูกค้าใหม่ไว้ไม่เกิน 1.5 เท่าของเงินเดือน ซึ่งการปรับนี้ช่วยให้ธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยเติบโตมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/60 (สิ้นสุดส.ค.60)

อีกทั้งคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยซบเซา คุณภาพสินทรัพย์ด้อยลง และมีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ทาง AEONTS ก็ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังเพื่อดูแลสถานะของบริษัทให้มั่นคง ยังผลให้ Yield และ ROE ต่ำลง แต่ระดับ NPL ratio ก็ต่ำที่ 2.2% ในสิ้นไตรมาส 3/60/61 (สิ้นสุดพ.ย.60) และเชื่อว่าจะทรงๆ ในระดับนี้ไปในปี 61/62 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น สำหรับ Coverage ratio อยู่ในระดับสูง ทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองสูงกว่าเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9

พร้อมทั้งเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย จึงคาดว่าสินเชื่อรายย่อยบริษัทจะเติบโตได้มากขึ้นในปีนี้ และเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง โดยใช้ประสบการณ์ของ AEON มาเลเซียมาช่วย โดยวงเงินปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 3 แสนบาทถึง 1 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 3.5-4.0% ต่อปี (Flat rate) สำหรับรถอายุไม่เกิน 5 ปี และอัตรา 9-10%

สำหรับรถที่อายุมากกว่า 5 ปี ขณะนี้มีดีลเลอร์ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท 50 แห่งในกรุงเทพ สำหรับลูกค้าเป้าหมายอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับลูกค้าบัตรเครดิต บริษัทตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองไว้ที่ 500-1,000 ล้านบาท

ด้านธุรกิจต่างประเทศจะทำรายได้ดีขึ้น ปัจจุบัน AEONTS ถือหุ้น 80% ในธุรกิจที่กัมพูชา (แต่จะลดเป็น 50% หลังจากมีการเพิ่มทุนในเดือนมี.ค.61 แต่ AEONTS ไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นอีกราย คือ AEON Financial Service (AFS) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านไอทีของไฟแนนซ์ได้ถือหุ้นเพิ่ม เป็นแรงจูงใจในการพัฒนาธุรกิจต่อไป) และ 100% ที่เมียนมาร์ & ลาว ซึ่งธุรกิจทั้ง 3 ประเทศมีกำไร แต่ยังทำรายได้เป็นสัดส่วนน้อยเพียง 3% และทำกำไร 2% ของทั้งหมด บริษัทคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 10% ภายในปี 63 เพราะความต้องการใช้ไฟแนนซ์ของทั้ง 3 ประเทศเติบโตสูง

ทั้งนี้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 60/61 และปี 61/62 ขึ้น 5% และ 11% ตามลำดับ โดยบริษัทคาดว่าการใช้จ่ายลูกค้าจะเติบโต 10% ในปี 60/61 ซึ่งไปชดเชยกับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ลดลงจาก 20% เป็น 18% ได้ ส่งผลให้กำไรปี 60/61-61/62 จะขยายตัว 16% และ 15% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หุ้น AEONTS ซื้อขายที่ P/E ปี 60/61 (สิ้นสุดก.พ.61) ต่ำเพียง 12.4 เท่า และ P/BV 2.3 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่มไฟแนนซ์มาก สำหรับราคาพื้นฐาน 202 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปี 60/61 ที่ 2.9 เท่า และเทียบเท่ากับ P/E ที่ 15.8 เท่า (PEG 1.0 เท่า, CAGR ของ EPS ปี 60/61 & 61/62 ที่ 15.4%)

 

อันดับ 3 บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 65.00% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 0.20 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 0.33 บาท (28ก.พ.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรผลประกอบการในปี 60 จะพลิกมีกำไร เนื่องจากงวด 9 เดือน ปี 60 มีผลขาดทุน 45.93 ล้านบาท ลดลงจากปี 59 ที่มีผลขาดทุน 334.70 ล้านบาท

โดยภายหลังบริษัทแจ้งผลการดำเนินงานปี 2560 มีรายได้โตกว่า 940.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 747.21 ล้านบาท หรือร้อยละ 385.88 จากปีก่อน ทำให้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 48.58 ล้านบาทในปี 2559 เป็นจำนวน 93.60 ล้านบาทในปี 2560 โดยรายได้และกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ส่งผลให้บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิลดลงมากร้อยละ 88.40 จึงทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นแรงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 4 บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT  ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 63.04% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 20.70 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 33.75 บาท (28ก.พ.61) คาดนักลงทุนมั่นใจพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง และเมื่อผลประกอบการปี 60 ออกมาโดดเด่นยิ่งทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคา บวกกับนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรราคาเป้าหมายขึ้นยิ่งทำให้หุ้นทะยานแรงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 60 โต 100% มาที่ 2.25 พันลบ. จากปีก่อน 1.12 พันลบ. เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทเตรียมปันผลจากงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 60 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 60 เป็นเงินสด 0.90 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พ.ค.61 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พ.ค.61

 

อันดับ 5 บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 58.44% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 7.70 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 12.20 บาท (28 ก.พ.61) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรแผนงานบริษัทที่โดดเด่น บวกกับแนวโน้มผลงานปี 60 สดใสทำให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงและขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

โดยบริษัทได้จับมือกับเว็บไซต์เช่ารถจากประเทศจีน ได้แก่ เว็บ ZuZuChe และ CTrip เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่เดินทางมายังประเทศไทย สามารถจองใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นของ asap ผ่านเว็บดังกล่าว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์

โดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นของ asap ได้รับการจองใช้บริการเต็ม 100% จากจำนวนรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นที่ให้บริการทั้งหมด

นอกจากตลาดประเทศจีน บริษัทยังขยายไปตลาดยุโรปและอเมริกา โดยจับมือเป็นพันธมิตรกับเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวและให้บริการเช่ารถยนต์ระดับโลก เพื่อเตรียมขยายการให้บริการไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทย สามารถจองรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นจาก asap ได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ฟลีทรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นที่ดียิ่งขึ้นและมีโอกาสเติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานปี 60 กำไรโต 116% มาที่ 151 ลบ. จากปีก่อนมีกำไร 70 ลบ. เนื่องจากมีรายได้ค่าเช่ารถยนต์และรายได้ขายรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจของบริษัท และการขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่องและในขณะเดียวกันกับลูกค้ารายเก่าที่เพิ่มปริมาณการใช้รถยนต์ให้เช่าด้วยเช่นกัน

พร้อมเตรียมจ่ายเงินปันผลจากงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ก.พ. 60 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 60 เป็นหุ้นปันผลในอัตรา 10 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล และปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0055 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 มี.ค. 61 กำหนดจ่ายปันผล 24 พ.ค. 61

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button