
MINT ซ่อนเพชรเม็ดงาม! “ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์” โกยกำไรปี 67 แตะ 1.6 พันล้านบาท
“ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์” JV ระหว่าง MINT และ Pop Mart แบรนด์ฟิกเกอร์จีน โชว์กำไรปี 67 สูงถึง 1.6 พันล้านบาท ดันมูลค่า JV พุ่ง แปรสภาพเป็น “เพชรเม็ดงาม” ที่น่าจับตาในพอร์ตลงทุนของ MINT ดันมูลค่าหุ้นพุ่งแตะ 2.7 หมื่นล้านบาท
“ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์” กิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และ Pop Mart แบรนด์ของเล่นสะสมชื่อดังจากจีน กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ล้ำค่า ที่ซ่อนอยู่ในพอร์ตของ MINT หลังแสดงผลงานโดดเด่นในปี 2567 ด้วยรายได้ 5,300 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,600 ล้านบาท จากกระแสความนิยมของสะสมฟิกเกอร์ และการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว จากจุดเริ่มต้นเพียงแห่งเดียวในปี 2566 สู่ 6 แห่งภายในเวลาไม่ถึงปี พร้อมแผนปักหมุดในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศในปี 2568
สำหรับกิจการ “ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์” นี้ดำเนินงานในรูปแบบกิจการร่วมทุน (Joint Venture) โดย Pop Mart ถือหุ้น 58% และ MINT ถือหุ้นอีก 42% ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวเปิดโอกาสให้ MINT เข้าถึงกระแสการเติบโตในกลุ่มรีเทลไลฟ์สไตล์และของสะสมโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ด้วยตัวเอง
นักวิเคราะห์จาก J.P.Morgan ประเมินว่า ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์ มีส่วนแบ่งรายได้คิดเป็น 9% ของกลุ่ม Pop Mart ทั้งหมด และคิดเป็น 6% ของกำไรสุทธิของ Pop Mart เมื่อปรับสัดส่วนการถือหุ้นของ MINT แล้ว ขณะที่สำหรับ MINT การร่วมทุนนี้คิดเป็น 8% ของกำไรจากการดำเนินงานหลักในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากเกือบศูนย์ในปีก่อน และที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น 40% ของการเติบโตของกำไรหลักของ MINT ในปีดังกล่าว มาจาก Pop Mart Thailand เพียงแห่งเดียว
แม้ MINT จะถือหุ้นเพียง 42% ในกิจการร่วมทุนนี้ แต่ในงบดุลของบริษัทกลับบันทึกมูลค่าการลงทุนไว้ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าตลาดของสัดส่วนดังกล่าวอาจสูงถึง 27,000 ล้านบาท โดยอ้างอิงอัตราส่วน P/E ที่ 40 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าบริษัทแม่ Pop Mart ที่มี P/E สูงถึง 80 เท่า เนื่องจาก JV นี้รับบทเป็นผู้จัดจำหน่าย ไม่ใช่เจ้าของ IP โดยตรง
ช่องว่างระหว่างมูลค่าทางบัญชีกับมูลค่าตลาด ทำให้ “ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์” กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักวิเคราะห์มองว่า อาจมีมูลค่าแฝง (Hidden Value) สูงในพอร์ตของ MINT โดยเฉพาะในเชิงกลยุทธ์ทางการเงิน หากมีการดำเนินมาตรการใดที่ช่วยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ ไม่ว่าจะผ่านการบริหารโครงสร้างสินทรัพย์หรือการเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน ก็อาจส่งผลให้ฐานะการเงินของ MINT แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัย และช่วยลดภาระหนี้ในภาพรวมได้ในระยะยาว
ท่ามกลางกระแสการสะสมฟิกเกอร์และพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มุ่งหาประสบการณ์ ป๊อปมาร์ทไทยแลนด์ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าของเล่นเทรนดี้ แต่กำลังกลายเป็นกลไกใหม่ที่ขับเคลื่อนกำไรของ MINT อย่างเงียบ ๆ ผ่านโครงสร้างธุรกิจร่วมทุนที่ไม่ต้องครอบครองแบรนด์เอง แต่สามารถต่อยอดมูลค่าได้จริง นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยอาจต้องจับตาว่า MINT จะเลือกใช้กลยุทธ์ใดกับ “เพชรเม็ดงาม” ชิ้นนี้ในระยะถัดไป