รวยกันถ้วนหน้า! 20 หุ้นวิ่งแรงในรอบ 5 เดือนรับรีเทิร์นเกิน 50% แถมแข็งแกร่งกว่าตลาดฯ

รวยกันถ้วนหน้า! 20 หุ้นวิ่งแรงในรอบ 5 เดือน นำโดยBIG,CRANE,THAI,TKN,MALEE,KTP,GL,EASON,TPBI,SMPC,COM7,VIH,CPF, BSBM, BWG,IVL,TOG,M-CHAI,CPH,และPTL ชู รีเทิร์นเกิน 50% แถมผลตอบแทนสูงกว่าตลาดฯ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 พ.ค.59 ซึ่งการสำรวจครั้งนี้นำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงเกิน 50% เท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเหล่านี้มีผลตอบแทนที่โดดเด่นและน่าสนใจ

ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มนี้ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด เห็นได้จากการปรับตัวของดัชนีในช่วง 5 เดือน ที่เพิ่มขึ้น 10.57% โดยเทียบดัชนี ณ วันที่  30 ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 1,288.02 จุด เพิ่มขึ้น 136.26 จุด มาที่ระดับ 1424.28 จุด ณ วันที่ 31 พ.ค.59 อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจึงเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไร นักลงทุนจึงควรพิจารณาในการเข้าลงทุนเพิ่ม

สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 20 ตัว ประกอบด้วย BIG, CRANE, THAI, TKN, MALEE, KTP, GL, EASON, TPBI, SMPC, COM7, VIH, CPF, BSBM, BWG, IVL,TOG, M-CHAI, CPH และ PTL

ตารางหุ้นที่ให้รีเทิร์น 5 เดือนแรกของปี 2559 เกิน 50%

table20160609

 

โดยอันดับ 1 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 132% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท บวก 2.05 บาท มาอยู่ที่ 3.60 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.59 การที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 5 เดือน มีปัจจัยหลายด้านอาทิ แผนงานธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และผลการดำเนินงานที่สดใส และโบรกเกอร์แนะนำให้ลงทุนยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรง

โดยกำไรไตรมาส 1/59 ที่พลิกมีกำไร 234.21 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 2.86 ล้านบาท อีกทั้งแผนงานบริษัทในช่วงไตรมาส 2/59 จะมีการเติบโตค่อนข้างดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากยอดขายยังมีการขยายตัวได้ดีและโบรกเกอร์แนะนำให้ลงทุนยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองปีนี้เป็นปีทองของ BIG จากตลาดกล้อง Mirrorless ยังขยายตัวแรงเป็นระดับ 100% จากงวดปีก่อน และ BIG อยู่ในสถานะกึ่งผูกขาดชั่วคราว จากคู่แข่งที่ลดลงและจำนวนสาขาที่มากสุดในประเทศ ส่งผลให้ยอดรีเบทและอัตรากำไรขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ปรับกลยุทธ์อุดตัวถ่วงทั้งกล้อง DSLR ที่ขายน้อยลงเพราะอัตรากำไรต่ำและร้าน BIG Mobile ที่จะพลิกมามีกำไรในครึ่งหลังปี 59 จากการเปิดพื้นที่บางส่วนให้ผู้ประกอบการมือถือ และธุรกิจพิมพ์ภาพดิจิตอลจะเข้ามาเติมเต็มให้ธุรกิจขายกล้องเดิมมีความครบวงจรมากขึ้น

 

อันดับ 2 บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) หรือ CRANE ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 104% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท  บวก 2.05 บาท มาอยู่ที่ 3.60 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.59

การที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 5 เดือน มีปัจจัยหลายด้านอาทิ ผลการดำเนินงานปีนี้จะเทิร์นอะราวด์ จากปีก่อนที่ขาดทุนราว 45.19 ล้านบาท ตามทิศทางงานก่อสร้างขยายตัว ขณะเดียวกันเดินหน้าดีลงานใหม่ในประเทศต่อเนื่องเสริมรายรับอนาคต นอกจากนี้บริษัททุ่มงบ 200 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เช่าเครื่องจักรปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

 

อันดับ 3 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 95% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 9.20 บาท บวก 8.80 บาท มาอยู่ที่ 18.00 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.59

พิจารณาราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 5 เดือน มีปัจจัยหลายด้านอาทิ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงส่งผลให้ต้นทุนเชื่อเพลงลดลง ส่งผลให้นักวิเคราะห์ออกมาประเมินว่าปี 59 จะพลิกมาเป็นกำไร ขณะเดียวกันมาตรการภาครัฐที่ช่วยหนุนการท่องเที่ยวทำให้ยอดผู้โดยสารมีจำนวนมาก อีกทั้งการประกาศผลกำไรไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.54 พันล้านบาท

ซึ่งเป็นไปตามดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตการบินไทยว่า “ผลประกอบการจะดีขึ้น คาดว่าพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มเทคออฟในปีนี้ เข้าใจว่าปีนี้การบินไทยจะมีกำไร และจะมีกำไรต่อเนื่องไปในอีก 5-10 ปีข้างหน้า” ตรงนี้ยิ่งทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ก่อนจะมีข่าวออกมาหลังจากที่ทางบริษัทได้ประกาศผลการดำเนินงานดังกล่าวว่า THAI ได้ขายเครื่องบิน A340-500 ให้กับกองทัพอากาศ มูลค่า 1.75 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการที่บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาส 1/59

 

อันดับ 4 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น  67% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 8.55 บาท บวก 5.75 บาท มาอยู่ที่ 14.30 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.59

การที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 5 เดือน ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนในเรื่องทิศทางธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้มั่นใจยอดขายจะเติบโตในระดับ 10-15% โดยจะเน้นกลยุทธ์การสร้างกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น  โดยปีนี้มั่นใจยอดขายจะเติบโตในระดับ 10-15%

อีกทั้งช่วงท่านมาผลประกอบการไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 160.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 51.31 ล้านบาท  บวกกับบทวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อยิ่งเป็นแรงหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นแรง

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ “ซื้อ” หุ้น TKN มองเป็นหุ้นประเภท growth stock โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปี 59 ที่ประมาณ 601 ล้านบาท (+51.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยยอดขายสามารถเติบโตได้ดีจากการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน, อินโดนีเซีย และประเทศแถบ CLMV

อีกทั้งบริษัทยังมีแผนการสร้างเถ้าแก่น้อยแลนด์อีกสองสาขาและการเพิ่มสินค้าใหม่อย่างสาหร่ายอบ ซึ่งคาดจะสามารถช่วยให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้อีกในปีนี้ นอกจากนั้น ยังคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากปีก่อนจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มากกว่านั้นยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 60 จากการเปิดใช้งานโรงงานใหม่ในนิคมโรจนะอีกด้วย ประเมินมูลค่าพื้นฐานบริษัทที่ 17.20 บาท

 

อันดับ 5 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 67% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 28.50 บาท  บวก 19.00 บาท มาอยู่ที่ 47.50 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค.59

โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 5 เดือน ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนในเรื่องแผนงานในเรื่องธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีกำไรเพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้าลงทุน ประกอบกับนักวิเคราะห์ที่แนะนำให้ซื้อหนุนอีกทาง

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 109.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.04 ล้านบาท บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะดีที่สุดในรอบ 4 ปี โดยกลางปีนี้เตรียมปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโตราว 15% หลังจากไตรมาส 1/59 รายได้เติบโตแล้วกว่า 20%

บล.ทิสโก้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” MALEE เพื่อลงทุนในระยะยาวจากผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นอีกทั้งเริ่มส่งสินค้าเข้าตลาดฟิลิปปินส์ในปีนี้หลังจากร่วมเป็นพันธมิตร โดยปรับราคาหุ้นพื้นฐานใหม่เพิ่มขึ้น 17% เป็น 47 บาท จาก 40 บาท อ้างอิง P/E  Sector เฉลี่ย ที่ 15 เท่า โดยราคาปัจจุบันเทรดที่ P/E ปี 2016 ที่ 14.5 เท่า โอกาสคือกระแสความใส่ใจดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงได้แก่ 1) การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น 2) การปรับภาษีสรรพสามิตส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม 

 

ส่วนอันดับ 6-20 ประกอบด้วย KTP, GL, EASON, TPBI, SMPC, COM7, VIH, CPF, BSBM, BWG, IVL, TOG, M-CHAI, CPH และ PTL ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงดังตารางประกอบ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งแรงในรอบ 5 เดือน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องผลประกอบการสดใส และมีบทวิเคราะห์ออกมาสนับสนุนให้เข้าลงทุนเป็นหลักเช่นกัน 

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button