เปิดโผ 21 หุ้นธีม “เปิดเมือง” เน้นกำไรครึ่งหลังเด่น – อัพไซด์สูงลิ่ว

"บล.เอเชีย เวลท์" คัด 21 หุ้นเด่นธีม "เปิดเมือง" คาดผลการดำเนินครึ่งปีหลังเติบโตแข็งแกร่ง พ่วงราคาเป้าหมายสูง ดันอัพไซด์ทะลัก


จากกรณีที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติเห็นชอบให้มีการปรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 29 จังหวัด ลดเหลือ 23 จังหวัด ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 37 จังหวัด ลดเหลือ 30 จังหวัด

อีกทั้งยังเห็นชอบการปรับเงื่อนไขมาตรการสำหรับกิจการและกิจกรรมในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่เปิดให้บริการประกอบด้วย การห้ามออกนอกเคหสถาน จากเวลาเดิม 22.00-04.00น. ปรับเป็น 23.00-03.00 น. อย่างน้อย 15 วัน

ด้านร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด หรือตลาดนัด จากเดิมเปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 21.00 น. (จำหน่ายเฉพาะเครื่องอุปโภคบริโภค) ปรับเป็นเปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 22.00 น. ส่วนกิจการอื่น ๆ ที่เปิดทำการ โดยกำหนดเวลา เช่น ธุรกิจโรงภาพยนตร์ หรือฉายภาพยนตร์ ร้านอาหารโรงละคร โรงมหรสพ สนามกีฬาทุกประเภท สวนสาธารณะ ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้า ปรับเป็นเปิดดำเนินการตามปกติ แต่ไม่เกินเวลา 22.00 น.

ขณะที่การขนส่งสาธารณะทุกประเภท เดิมความจุ 75% ของยานพาหนะ ปรับเป็นเพิ่มความจุตามความสามารถของยานพาหนะ โดยให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล ส่วนศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ในลักษณะเดียวกัน ในห้างสรรพสินค้า และโรงแรม สามารถเปิดบริการจัดประชุม และจัดงานตามประเพณีนิยมได้ แต่จำกัดจำนวนคนไม่เกิน 500 คน เปิดดำเนินการตามเวลาปกติ แต่ไม่เกินเวลา 22.00 น.

โดยการปรับเงื่อนไขมาตรการสำหรับกิจการและกิจกรรมในทุกพื้นที่จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (16 ต.ค.64) เป็นต้นไป

ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยอ้างอิงข้อมูลจาก นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ที่มีการประเมินผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ดังนี้

กลุ่มขนส่ง พบว่ามีบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโต อาทิ BEM คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 505.80 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท ราคาเป้าหมาย 12 บาท, BTS คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 1.38 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.11 บาท ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท, KEX คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 638.42 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.36 บาท ราคาเป้าหมาย 48 บาท เป็นต้น

ขณะที่ กลุ่มโรงแรม พบว่ามีบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโตโดดเด่น ได้แก่ CPN คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 5.10 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.14 บาท ราคาเป้าหมาย 64 บาท

ขณะที่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม พบว่ามีบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโต อาทิ AMATA คาดมีกำไรสุทธิ 432.80 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.37 บาท ราคาเป้าหมาย 28 บาท, ROJNA คาดมีกำไรสุทธิ 566.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.28 บาท ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท และ WHA คาดกำไรสุทธิ 394.91 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท

ส่วน กลุ่มโรงพยาบาล พบว่ามีบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโต อาทิ BCH คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 1.47 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.59 บาท ราคาเป้าหมาย 33 บาท, BDMS คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 2.79 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท ราคาเป้าหมาย 27 บาท, BH คาดกำไรสุทธิ 307.59 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.38 บาท ราคาเป้าหมาย 170 บาท

ด้าน กลุ่มธนาคาร พบว่ามีบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโต อาทิ TISCO คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 3.43 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.28 บาท ราคาเป้าหมาย 104 บาท, BBL คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 1.32 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.96 บาท ราคาเป้าหมาย 154 บาท, KBANK คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 1.95 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.10 บาท ราคาเป้าหมาย 165 บาท และ SCB คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 1.89 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.56 บาท ราคาเป้าหมาย 160 บาท

ขณะที่ กลุ่มค้าปลีก พบว่ามีบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโต อาทิ BJC คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 1.83 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.46 บาท ราคาเป้าหมาย 40.50 บาท, COM7 คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 1.15 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.96 บาท ราคาเป้าหมาย 90 บาท, CPALL คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 4.78 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.48 บาท ราคาเป้าหมาย 66 บาท, DOHOME คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 1.14 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.49 บาท ราคาเป้าหมาย 36 บาท

ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เติบโต อาทิ SAPPE คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 213.43 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.70 บาท ราคาเป้าหมาย 31.20 บาท, VGI คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 10.04 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.00 บาท ราคาเป้าหมาย 8 บาท รวมถึง ITEL คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 93.03 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.10 บาท ราคาเป้าหมาย 6 บาท

*ราคาปิด ณ 15 ต.ค.64

**อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากบทวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button