
อัปเดต “คนละครึ่งพลัส” 5 หมื่นลบ. แจกบัตรสวัสดิการรัฐก่อน ประชาชนทั่วไปรอต่อคิว
รัฐบาลเตรียมเสนอ “คนละครึ่งพลัส” เข้าครม. ตุลาคมนี้ ใช้งบราว 5 หมื่นล้านบาท รวมสิทธิทั้งโครงการกว่า 33 ล้านสิทธิ “ภราดร” เผย ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13 ล้านสิทธิได้ก่อน เติมเงินเป็น 2,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายเอกนิติ นิติทัณฑประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เตรียมนำโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมนี้ โดยโครงการดังกล่าวมีแนวทางสิทธิ ทั้งในรูปแบบ 50:50 เดิม และแนวทางใหม่ 60:40 สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
วันนี้ (26 ก.ย.68) นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงบประมาณ ระบุว่า งบประมาณปี 2568 ยังเหลือกว่า 60,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีงบกลางสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินราว 20,000 ล้านบาท จะนำมาใช้รองรับโครงการ โดยเฉพาะการช่วยเหลือกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 300 บาท จะมีการเติมเพิ่มอีก 1,700 บาท รวมเป็น 2,000 บาทต่อเดือน คาดว่าใช้เงินในส่วนนี้ประมาณ 22,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ทั้งนี้ รัฐบาลคาดว่าจะใช้งบทั้งจากปี 2568 และปี 2569 เบื้องต้นตั้งงบปี 2569 ไว้ 25,000 ล้านบาท หากไม่เพียงพออาจมีการจัดสรรเพิ่มเติม ทำให้ภาพรวมโครงการใช้งบราว 50,000 ล้านบาท
นายภราดร ย้ำว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน และตั้งเป้าให้เงินถึงมือประชาชนได้เร็วที่สุดช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งกระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการ เบื้องต้นจะทยอยให้ทุกกลุ่ม คาดว่าจะถึง 20 ล้านสิทธิครอบคลุมประชาชนทั่วไปที่เคยลงทะเบียน คนละครึ่งเฟส 5 ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจะต้องลงทะเบียนใหม่ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดขั้นตอนและเงื่อนไข จะมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการโดยนายเอกนิติในโอกาสถัดไป ภายหลังการพิจารณาของ ครม.
ขณะเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า เดิมโครงการคนละครึ่ง เฟส 1 มีผู้ได้รับสิทธิรวมประมาณ 33 ล้านสิทธิ แบ่งเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 13 ล้านสิทธิ และประชาชนทั่วไปอีก 20 ล้านสิทธิ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่รัฐบาลจะนำมาต่อยอดในโครงการใหม่
ทั้งนี้ รายละเอียดโครงการทั้งหมดจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลัง ครม. มีมติอนุมัติ