“ปิยสวัสดิ์” แจง 8 ประเด็น หลังถูกพาดพิงปม “การบินไทย”

“ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” โพสต์ชี้แจงปม “การบินไทย” ย้ำข้อมูลบางสำนักข่าวคลาดเคลื่อน กระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้น ชี้ข่าวประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) เดือนธันวาคมทำราคาหุ้นร่วงต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Piyasvasti Amranand” เพื่อชี้แจงกรณีสื่อบางสำนักนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการบินไทยที่ไม่ถูกต้องและพาดพิงถึงตน โดยระบุว่า เนื่องจากมีสื่อบางสำนักเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการบินไทยและมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและพาดพิงถึงผม จึงขออธิบายดังนี้

นายปิยสวัสดิ์ ชี้แจงทั้งหมด 8 ประเด็น สรุปสาระสำคัญดังนี้

  1. เรื่องประชุมผู้ถือหุ้น

ใกล้ถึงการประชุมเดือนธันวาคม ก็มีคนเริ่ม “ป่วน” ว่าจะมีกรรมการใหม่มาแทนกรรมการเดิม ทั้งที่คณะกรรมการได้จัดประชุมใหญ่ “สามัญ” ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน ผู้บริหารแผนได้ดำเนินการวาระที่พึงกระทำในการประชุม “สามัญ” ผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไปครบถ้วนแล้ว ดังนั้นการประชุมผู้ถือหุ้นหลังจากนี้ หากจะจัดให้มีขึ้นคงเป็นการประชุม “วิสามัญ” เท่านั้น

  1. หน้าที่หลังออกจากแผน

ไม่จริงที่บอกว่าหมดหน้าที่แล้วหลังการบินไทยออกจากแผน เพราะทั้งตนและนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ยังเป็นกรรมการ ส่วนผู้บริหารแผนที่ไม่ได้เป็นกรรมการ เช่น คุณพรชัย ถึงจะหมดหน้าที่ไป การจัดประชุมเมื่อเดือนเมษายนเป็นไปเพื่อให้การบริหารต่อเนื่อง ผู้ถือหุ้นก็สามารถยื่นถอดถอนกรรมการได้ตามสิทธิ

  1. ปมเกลียดกรรมการใหม่

การปลุกปั่นให้คนการบินไทยและคนอื่น ๆ รู้สึกเกลียดชังกรรมการใหม่ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่เป็นธรรม เพราะ “ไม่มีใครเกลียดกรรมการใหม่หรอก ถ้าคนนั้นมีความสามารถจริง สร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทได้ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย”

  1. ข่าวที่ทำหุ้นร่วง

ต้นตอของปัญหาคือข่าวว่าจะมีการประชุม “สามัญ” เดือนธันวาคม ทั้งที่จริงควรเป็นเดือนเมษายน 2569 ข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้นการบินไทยร่วงจาก 13 บาท เหลือ 9 บาทกว่า ๆ สะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุน และยังทำให้หานักลงทุนใหม่ยากขึ้น ก่อนครบกำหนด lock up period วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2569

  1. ก่อนฟื้นฟูไม่ได้เป็นผู้บริหารสูงสุด

ตนกับชาญศิลป์เข้ามาเป็นกรรมการหลังการบินไทยหลุดจากสถานะรัฐวิสาหกิจ และรัฐบาลตัดสินใจให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู เพื่อให้สามารถเป็นผู้ทำแผนได้ ไม่ได้เข้าไปก่อนล้มละลายอย่างที่บางคนพูด

  1. เงินรัฐ 4 หมื่นล้านบาทไม่จริง

การบินไทยไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแม้แต่บาทเดียว กระทรวงการคลังแค่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคา 4.48 บาท รวมราว 21,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีกำไรถือหุ้นกว่า 23,000 ล้านบาท และยังได้สิทธิ์แปลงหนี้เป็นหุ้นอีก 13,398 ล้านบาท หากกระทรวงการคลังไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในปลายปี 2567 บริษัทคงยังทุนติดลบและออกจากแผนไม่ได้

แต่หากพิจารณาผลการดำเนินงานในปี 2568 การบินไทยจะมีทุนเป็นบวกภายในปลายปี และสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในกลางปี 2569 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายล้มละลาย และอาจจะเป็นผลดีต่อการบินไทยด้วยซ้ำ เพราะยังมีระยะเวลาในการบริหารงานโดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองอีกหนึ่งปี นายปิยสวัสดิ์ ระบุ

  1. เช่า A330 ไม่ได้ผลักดันพิเศษ

เรื่องเช่าเครื่องบิน A330-200 ไม่มีใครผลักดันเป็นพิเศษ การบินไทยต้องหาเครื่องมาทดแทนของเก่าที่จะปลดในอีก 5 ปีข้างหน้า รวม 10 ลำ ตอนนี้ตลาดเครื่องใหม่ขาดแคลน เครื่องมือสองอย่าง A330 จึงเป็นทางเลือกเดียวที่หาได้เร็วและคุ้มทุน

  1. ปม A320 ไม่มี crew rest

เครื่อง A320 ถูกจัดหามาแทน B737 และ A300-600 ที่เก่าและต้องปลด เครื่องรุ่นนี้บินระยะสั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องมีที่พักลูกเรือ และสายการบินทั่วโลกที่ใช้รุ่นนี้ก็ไม่มี crew rest เหมือนกัน

ที่มา : Piyasvasti Amranand 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“สหภาพบินไทย” ยันตั้งตาม “กม.แรงงาน” ย้ำปมออมสินเป็นการริบเงิน “พนักงาน” ไม่ใช่บริษัท

THAI ชง 11 รายชื่อเสนอผู้ถือหุ้นโหวต 19 ธ.ค. เคาะบอร์ดชุดใหม่

Back to top button