TU ปลื้ม! คว้าผลประเมิน “ความยั่งยืน” ระดับ B

TU คว้าผลการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนด้านการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับ “B” ตอกย้ำความสำเร็จกลยุทธ์ยั่งยืน “SeaChange 2030” พ่วงรับการจัดลำดับรายชื่อองค์กรที่คะแนนสูงสุด 10% ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร จาก “S&P Global Sustainability Yearbook 2024”


บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก ได้รับผลการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนระดับ B จาก Carbon Disclosure Project (CDP) ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ด้านบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำหนดมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก สะท้อนผลสำเร็จหลังจากดำเนินงานกว่า 6 เดือนเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการจัดการสภาพภูมิอากาศภายใต้การขับเคลื่อนกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange 2030

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มความยั่งยืน TU กล่าวว่า บริษัทได้เข้าร่วมการประเมินจาก CDP ในปีนี้เป็นครั้งแรก และได้รับผลการประเมินในระดับระดับ B ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยขององค์กรในภูมิภาคเอเชียและระดับโลก ซึ่งอยู่ในระดับ C และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการประเมินภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในระดับ B-

ทั้งนี้ บริษัทยังได้รับการจัดอันดับระดับ A ทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทางอ้อมอื่น ๆ (ขอบเขตที่ 3)  เป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงการริเริ่มเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ และการกำกับดูแล

โดยผลการประเมินจาก CDP ด้านความโปร่งใสและการดำเนินการ รวบรวมจากบริษัทฯ ที่เข้าร่วมกว่า 21,000 แห่ง โดยการนำข้อมูลจากตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินงานเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  การตัดไม้ทำลายป่าและความมั่นคงของน้ำ

“บริษัทตระหนักดีว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทวีความรุนแรงและส่งผลต่อระบบนิเวศ และด้วยกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange 2030 ที่ได้จัดสรรงบประมาณไว้ 7,200 ล้านบาท หรือกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับกำไรสุทธิที่บริษัทได้รับในปี 2565 ซึ่งประกาศไปเมื่อกลางปี 2566 จำนวน 11 ข้อ ที่ครอบคลุมการดูแลทั้งผู้คนและโลกอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42% ในขอบเขตที่ 1 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 โดยทั้งสองเป้าหมายได้รับการตรวจสอบโดยองค์กร Science Based Targets Initiative (SBTi) ซึ่งสอดคล้องกับข้อตกลงของปารีสโดยตรง” นายอดัม กล่าว

นอกจากนี้ TU ยังเป็นหนึ่งในบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดนเด่นและได้รับการยอมรับระดับโลก โดยได้รับการจัดอันดับรายชื่อใน “S&P Global Sustainability Yearbook 2024” โดยมีคะแนนสูงสุดระดับ 10% (Top 10% S&P Global ESG Scores) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ที่มีการประเมินในด้านต่างๆ เช่น ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านโภชนาการและสุขภาพ ด้านสิทธิมนุษยชน และด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน จาก S&P Global ซึ่งผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ซึ่งในปี 2566 มีบริษัท เข้าร่วมการประเมินผลด้านความยั่งยืนของธุรกิจที่เรียกว่า Corporate Sustainability Assessment (CSA) มากกว่า 9,400 แห่ง และมีบริษัทเพียง 759 แห่ง ที่ผ่านการประเมินและได้รับการจัดอันดับรายชื่ออยู่ใน Sustainability Yearbook ประจำปี 2567

อย่างไรก็ดีผลการประเมินจาก CDP และ S&P Global เป็นอีก 2 การประเมินดัชนีชี้วัดด้านความยั่งยืนระดับโลกที่ TU ได้รับ นอกเหนือจากการได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI เป็นปีที่ 10 ติดต่อกันในปี 2566 และยังครองอันดับ 1 ดัชนีอาหารทะเลยั่งยืน Seafood Stewardship Index (SSI) ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน  ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืนและเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

Back to top button