ALLY เดินหน้าระดมทุน 1,570 ล้านบาท ขยายพอร์ต 3 โครงการใหม่ หนุนเติบโตยั่งยืน

กองทรัสต์ ALLY เดินหน้าเพิ่มทุนวงเงินรวม 1,570 ล้านบาท ลงทุนใน 3 โครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ศักยภาพสูง โดยมีโครงสร้างการลงทุนแบ่งเป็นการกู้ยืมเงินในสัดส่วนประมาณ 50% และการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมไม่เกิน 185 ล้านหน่วยในสัดส่วนอีก 50% ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการเสนอขายและเข้าลงทุนได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2569


นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 มีมติอนุมัติให้กองทรัสต์ ALLY เพิ่มทุนโดยการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม ในจำนวนไม่เกิน 185 ล้านหน่วย เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมของกองทรัสต์ ใน 3 โครงการศักยภาพ โดยโครงสร้างการลงทุนจะมาจากการกู้ยืมเงิน คิดเป็นร้อยละ 50 และการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมไม่เกิน 185 ล้านหน่วย คิดเป็นร้อยละ 50 เมื่อรวมกับหน่วยทรัสต์ปัจจุบัน 874.10 ล้านหน่วย จะทำให้กองทรัสต์มีหน่วยทรัสต์รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,059.10 ล้านหน่วย

โดยการดำเนินการครั้งนี้ คาดว่าเงินเพิ่มทุนที่จะได้รับจะสร้างโอกาสในการลงทุนในทรัพย์สินที่เล็งเห็นว่ามีศักยภาพที่ดีในอนาคต และเป็นการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นคงของรายได้ให้แก่กองทรัสต์ รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพอร์ตการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนอย่างยั่งยืนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในระยะยาว ตอกย้ำศักยภาพกองทรัสต์ประเภทรีเทลที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

การระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตทรัพย์สิน และช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการใหม่ยังคงอยู่ภายใต้กลยุทธ์ “Best-in-Class” ของ ALLY ซึ่งมุ่งเน้นการลงทุนในคอมมิวนิตี้มอลล์อันดับหนึ่งในแต่ละพื้นที่ มีทำเลที่ดีที่สุด เข้าถึงสะดวก ออกแบบทันสมัย มีหน้ากว้างและที่จอดรถรองรับลูกค้าได้เพียงพอ พร้อมด้วยผู้เช่าที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค

ขณะที่การจัดสรรหน่วยทรัสต์ใหม่จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. เสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ตามสัดส่วนการถือหน่วย และ 2. เสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และ/หรือประชาชนทั่วไป (Public Offering) ตามความเหมาะสม โดยการกำหนดราคาเสนอขาย จะอ้างอิงจากราคาประเมินทรัพย์สินโดยผู้ประเมินอิสระที่สำนักงาน ก.ล.ต. รับรอง รวมถึงปัจจัยตลาดเงินตลาดทุน, อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม, ศักยภาพทรัพย์สิน, อัตราดอกเบี้ย, และผลสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding)

อย่างไรก็ตาม ภายหลังผู้ถือหน่วยอนุมัติการเพิ่มหน่วยลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางกองทรัสต์ ALLY จะดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ต่อไป โดยคาดว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์และการลงทุนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2569

ในระยะยาว กองทรัสต์ ALLY ตั้งเป้าขยายพอร์ตการลงทุนให้ครอบคลุม 19 โครงการ รวมพื้นที่เช่ากว่า 200,000 ตารางเมตร และตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท และ EBITDA มากกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2570 โดยมุ่งเน้นการลงทุนในทำเลรอบกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเติบโตของประชากรและกำลังซื้อสูง พร้อมตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) สำหรับโครงการใหม่ที่ระดับ 8–10% เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

“การเข้าลงทุนครั้งนี้เป็นการต่อยอดกลยุทธ์ขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพสูง เสริมความหลากหลายรายได้ และสร้างความมั่นคงในระยะยาว โดยทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการอยู่ในทำเล ‘Best in Class’ ของแต่ละพื้นที่ มีศักยภาพการเติบโตสูง และผู้เช่ามั่นคงทางการเงิน ซึ่งช่วยสร้างกระแสรายได้สม่ำเสมอให้กองทรัสต์ ALLY ให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหน่วยที่อนุมัติการเพิ่มทุน เพื่อการลงทุนและขยายมูลค่ากองทรัสต์ คาดว่าจะเสนอขายหน่วยใหม่และเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2569 หลังการลงทุน กองทรัสต์ ALLY จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในกองทรัสต์รีเทลที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงสุดอันดับต้นๆ ของประเทศ” นายกวินทร์ กล่าว

Back to top button