ADVANC:คาดปัจจัยลบสะท้อนราคาหุ้นแล้วปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นถือเพื่อรับเงินปันผลที่สูง

ADVANC คาดปัจจัยลบสะท้อนราคาหุ้นแล้วปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ถือรับเงินปันผลที่สูง จากเดิมเป็นเชิงลบคือ Fully Valued ด้วยราคาพื้นฐาน 140.00 บาท จากหนังสือพิมพ์ Nation ได้มีการออกข่าวว่าบริษัทได้จ่ายให้กับทีโอทีเป็นเงิน 10 พันล้านบาทต่อปี สำหรับ 1) Bandwidth 2) ค่าเสาสื่อสาร และ 3) base station และ transmission


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ม.ค.) ว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC คาดการณ์กำไรหลัก ไตรมาส 4/58 เป็น 9.3 พันล้านบาท เพิ่ม 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้าแรงผลักดันสำคัญมาจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงถึง 33% หลังจากสัมปทานคลื่น 900 MHz ได้หมดอายุลงตั้งแต่ 30 ก.ย.58

แม้ว่ารายได้การให้บริการ (ex IC) ลดลง 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า รวมทั้งมีการขาดทุนจากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ 621 ล้านบาท (ไตรมาส 4/57 ยังมีกำไร 155 ล้านบาท) ด้านดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 133 ล้านบาท เนื่องจากการกู้เงินเพิ่ม 20 พันล้านบาท เพื่อใช้จ่ายค่าไลเซนส์ใหม่ 4G

มีแนวโน้มว่าคลื่น 900 MHz ที่ได้หมดอายุไปแล้ว จะถูกปิดการใช้งานภายในไตรมาส 1/59 นี้  ดังนั้นบริษัทจึงต้องเร่งย้ายผู้ใช้บริการ 2G จำนวน 12 ล้านคนซึ่งคิดเป็นรายได้ถึง 20 พันล้านบาท มายัง 3G/4G ปัจจุบันมีการจูงใจด้วยการให้โทรศัพท์เครื่องใหม่ ซึ่งคาดว่ามีการใช้เงินทั้งหมดประมาณ 7 พันล้านบาท (690 บาทต่อราย) แต่ทางบริษัทจะเน้นย้ายลูกค้าจำนวน 3 ล้านราย ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน (ARPU) ที่มากกว่า 300 บาทก่อน เพราะคิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% จากรายได้ที่มาจาก 2G ทั้งหมด กลยุทธ์การย้ายลูกค้าคือ แจกโทรศัพท์ใหม่และชี้ให้เห็นถึงคุณภาพโครงข่ายของ 3G/4G ที่ดีกว่า 2G เดิม

ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ถือรับเงินปันผลที่สูง จากเดิมเป็นเชิงลบคือ Fully Valued ด้วยราคาพื้นฐาน 140.00 บาท จากหนังสือพิมพ์ Nation ได้มีการออกข่าวว่าบริษัทได้จ่ายให้กับทีโอทีเป็นเงิน 10 พันล้านบาทต่อปี สำหรับ 1) Bandwidth 2) ค่าเสาสื่อสาร และ 3) base station และ transmission

 ดังนั้นเมื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากปีละ 3 พันล้านบาทเป็น 10 พันล้านบาท เริ่มตั้งแต่ปี 59 นี้ ก็ยังผลให้มีการปรับลดประมาณการปีนี้และปีหน้าในอัตรา 13% และ 12% ตามลำดับ ราคาพื้นฐานจึงลดลงตามมา สำหรับราคาหุ้นได้ปรับลงมาลึกถึง 32% ตั้งแต่ประมูล 4G ในราคาสูง ซึ่งเราเชื่อว่าได้สะท้อนปัจจัยลบต่างๆไปพอควรแล้ว ด้านความเคลื่อนไหวของคู่แข่งรายใหม่คือ JAS ยังต้องติดตาม เพราะจะมีผลกระทบต่อความเป็นไปของอุตสาหกรรม แต่มีข่าวว่า JAS อาจะเลือกวิธีการดำเนินธุรกิจ 4G ร่วมกับรายเดิม ก็จะทำให้การแข่งขันลดน้อยลง จึงยังต้องติดตามข่าวอยู่อย่างใกล้ชิด

Back to top button