แรงขายทำกำไรกด SET ปิดเช้ารูด 11 จุด หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ทะลุ 1.8%

แรงขายทำกำไรกด SET ปิดเช้ารูด 11 จุด หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ทะลุ 1.8% คาดช่วงบ่ายตลาดยังปรับฐานต่อ แนะจับตาว่าจะหลุดระดับ 1,667 จุดหรือไม่ เพราะหากหลุดก็มีโอกาสไหลต่อลงไปที่ 1,650 จุด ให้แนวรับ 1,667 และ 1,660 จุด แนวต้าน 1,672, 1,680 จุด


10 หุ้นกดดัชนีเช้านี้

ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,666.10 จุด ลดลง 10.77 จุด (-0.64%) มูลค่าการซื้อขายราว 65,161 ล้านบาท

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐานลง หลังจากไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,680 จุดได้ ตั้งแต่ต้นปีขึ้นมาทดสอบแล้ว 5 ครั้ง ประกอบกับ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมา 2 วันแล้ว รวมถึงกองทุนในประเทศก็ขายต่อเนื่อง

สำหรับตลาดฯ กลับมากังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐหลังอัตราเงินเฟ้อพุ่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐวานนี้ขึ้นไปยืนเหนือ 1.80% จากที่ได้ทดสอบระดับ 1.84% ซึ่งเป็นการทะลุครั้งแรกในรอบ 2 ปี กดดันหุ้นกลุ่มที่ Sensitive กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ KCE, DELTA, HANA แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย อาทิกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ ได้แก่ KBANK, BBL และบริษัทประกัน นำโดย BLA

โดยเช้านี้มีแรงขายทำกำไรทุกกลุ่ม แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะลดงมาเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 12 วัน แต่ก็ยังเห็นแรงซื้อหุ้นกลุ่มเปิดเมืองบ้าง เช่น AOT, MINT โดยหากภาครัฐกลับมาใช้มาตรการ Test&Go ก็จะเป็น Sentiment เชิงบวก อย่างไรก็ดี หากตลาดจะปรับลงไปก็คงไม่ลึก เพราะ Downside เริ่มจำกัด โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิดทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มดีขึ้น

นอกจากนี้ตลาดฯยังรอติดตามผลประกอบการไตรมาส 4/2564 ของกลุ่มแบงก์ที่กำลังทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือไม่

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย นายกิติชาญ กล่าวว่า น่าจะยังปรับฐานต่อเนื่อง แนะจับตาว่าจะหลุดระดับ 1,667 จุดหรือไม่ เพราะหากหลุดก็มีโอกาสไหลต่อลงไปที่ 1,650 จุด แต่ถ้าไม่หลุดก็อาจดีดกลับขึ้นไปที่ 1,672 และ 1,680 จุด

ทั้งนี้พร้อมให้แนวรับที่ 1,667 และ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,672 และ 1,680 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,448.60 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

TKC มูลค่าการซื้อขาย 3,760.03 ล้านบาท ปิดที่ 30.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

GULF มูลค่าการซื้อขาย 3,439.23 ล้านบาท ปิดที่ 50.75 บาท ลดลง 1.25 บาท

GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 3,286.61 ล้านบาท ปิดที่ 6.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,728.98 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

Back to top button