สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล

ยิ่งใกล้วันที่ 25 มีนาคม 2568 สปอทไลท์ทั้งจากแวดวงกีฬา และแวดวงตลาดทุนต่างโฟกัสไปที่บ้านอัมพวัน เขตดุสิต ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งประธาน และกรรมการชุดใหม่เข้ามาพัฒนาแวดวงกีฬาของไทย เหตุผลที่การเลือกตั้งครั้งนี้คนในแวดวงการลงทุนให้ความสนใจนั้นเป็นเพราะผู้ท้าชิงตำแหน่ง “ประธานโอลิมปิกไทย” รอบนี้แต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดา และล้วนมีความเกี่ยวกับตลาดทุนไทยแทบทั้งสิ้น เริ่มจาก ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยฯ ที่ถือว่าสังคมให้ความสนใจ และเป็นที่รู้จักจากการนำทัพนักกีฬาเทควันโดไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ 2 สมัยติดต่อกันเป็นที่สำเร็จ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากกรรมการชุดก่อนหน้า ซึ่งปัจจุบัน ผศ.พิมล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 (ข้อมูลล่าสุด 15 มี.ค.67) ของบริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC คนต่อมา นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ เดิมที่รู้จักมักจี่กับ ผศ.พิมล แต่แล้วต้องมาแตกหักกัน เพราะเรื่องตำแหน่งของคณะกรรมการโอลิมปิกไทย จนสุดท้ายต้องแยกตัวและประกาศท้าชิงเก้าอี้ “ประธานโอลิมปิกไทย” แข่งกับ ผศ.พิมล ซึ่งที่ผ่านมานั้น นายสุชัย เคยมีบทบาทในตลาดทุนไทยผ่านการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ที่เคยปรากฏเมื่อก่อนหน้า อาทิ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC และ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG, บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC แต่ที่เห็นว่าเป็นม้ามืดสำหรับการเลือกตั้งชิงประธานโอลิมปิกไทย นั้นคือ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล สมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ภรรยาของ นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ซึ่งแวดวงกีฬาต่างทราบดีว่า คุณหญิงปัทมา มีความครบเครื่อง และมากคอนเน็กชั่น ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผลงานเด่นชัด จนกลายเป็นหนึ่งตัวเต็งสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า คุณหญิงปัทมา ยังเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย และเข้าลงทุนในหลายบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แก่ บริษัท เอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ AMC ถือหุ้น จำนวน 71,434,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 14.88%, บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ถือหุ้น จำนวน 399,655,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.63% , บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL ถือหุ้น จำนวน 403,412,980 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.39% รวมถึง บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ถือหุ้น จำนวน19,340,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.04% นอกจากนี้มีบทบาทในธุรกิจเหล็กและอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยรอบนี้ เรียกว่าเป็นอีกสนามของคนในแวดวงกีฬาที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดและแตกต่างจากที่ผ่านมา ด้วยข่าวลือเกี่ยวกับการทุ่มงบประมาณซื้อเสียง ทำให้วงการกีฬาต้องเฝ้าระวังทั้งในด้านภาพลักษณ์และผลกระทบต่ออนาคตขององค์กร ทั้งนี้การที่ผู้สมัครต่างมีแนวทางและกลยุทธ์การดำเนินงานที่แตกต่างกัน รวมถึงการมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาแทรกในกระบวนการเลือกตั้งนั้น ย่อมส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนาวงการกีฬาไทยในบริบทของการแข่งขันระดับนานาชาติ หลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้บริหารชุดใหม่จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารงานและรักษาความเป็นหนึ่งเดียวของวงการกีฬา เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการเติบโตในตลาดกีฬาและเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องได้อย่างยั่งยืน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นตัวชี้วัดอนาคตของกีฬาไทย ว่าจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างโปร่งใสและมีจิตวิญญาณนักกีฬา หรือจะกลายเป็นอีกหนึ่งเวทีของการเมืองแฝงเร้นที่นำไปสู่ความแตกแยก ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าก่อนวันที่ 25 มีนาคม จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหรือไม่