สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงวิเคราะห์และวางแผนของปี 60 เพื่อปรับเป้าหมายของปีนี้ใหม่ให้เหมาะสม หลังบริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด (LifeStar) ซึ่งทำธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) มีผลการดำเนินงานสูงเกินเป้าหมาย และมั่นใจว่าธุรกิจดังกล่าวจะกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต "จากการทุ่มเทใส่ใจและพัฒนาอย่างเต็มที่ในทุกมิติ ผูกเป็นกลยุทธ์ที่เกิดผล ทำให้การเติบโตของไลฟ์สตาร์สูงมากเกินเป้าหมาย โดยทีมบริหารกำลังอยู่ในช่วงวิเคราะห์และวางแผนใหม่ ของปีนี้ เพื่อปรับเป้าหมายของปีนี้ใหม่ให้เหมาะสม และมั่นใจว่าธุรกิจสุขภาพและความงามขึ้นแท่นเป็นธุรกิจหลักของอาร์เอสควบคู่กับธุรกิจสื่อที่มีช่อง 8 เป็นเรือธง มั่นใจทั้งปีนี้อาร์เอสจะทำได้ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้" นายสุรชัย กล่าว อนึ่ง เมื่อต้นปี RS ตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 60 จะมีผลประกอบการพลิกกลับเป็นกำไร จากที่ขาดทุน 102.1 ล้านบาทในปี 59 และตั้งเป้ารายได้ 3.5 พันล้านบาท จากราว 3.12 พันล้านบาทในปีก่อน โดยรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจสื่อ 75% ธุรกิจสุขภาพและความงาม 15% ธุรกิจเพลง 5% และอื่น ๆ 5% ขณะที่ไลฟ์สตาร์ ก้าวสู่ปีที่ 3 แนวโน้มกำลังเติบโตดีมากตามเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม เพราะประชาชนให้ความสำคัญใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ปัจจุบัน ไลฟ์สตาร์ มี 3 แบรนด์แยกตามกลุ่มสินค้า ประกอบด้วย แบรนด์แรก Magique (มาจีค) กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skin Care) แบรนด์ที่สอง Revive (รีไวฟ์) กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair Care) และแบรนด์ที่สาม S.O.M (Science of Body&Mind) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplements) ทั้งนี้จากากแผนธุรกิจปี 60 ตั้งเป้าหมายว่า ไลฟ์สตาร์ จะเติบโตถึง 100% แต่ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำยอดขายต่อเดือนขยายตัวแบบเกินคาด เมื่อเทียบกับยอดขายต่อเดือนของปีก่อน ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะทำได้เกินเป้าที่วางไว้ 440 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสำเร็จมาจากการใช้กลยุทธ์ การเชื่อมโยงคุณภาพในทุกมิติ (Synergy all Dimensions) เป็นแนวทางการผลักดันให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด มี 3 เรื่องหลักๆ ด้วยกัน สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเตรียมใช้งบลงทุน 30 ล้านบาท สำหรับเพิ่มในแต่ละกลุ่มสินค้ามากกว่า 15 รายการ เช่น กลุ่มมาจีค, กลุ่มรีไวฟ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร S.O.M โดยยังคงให้ความสำคัญกับการจับมือกับแล็บ (LAB) ชั้นนำระดับโลกคัดสรรคุณภาพสินค้าดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในเชิงลึก , สื่อ ที่จะผสานทุกสื่อในเครือให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งเจาะลึกให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่องทางการจัดจำหน่าย ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางเข้าถึงและบริการ ด้วยการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เทเลเซลล์กว่า 2 เท่าตัว เพื่อเสริมความพร้อมการให้บริการได้ทั่วถึงผ่านช่องทางจำหน่ายผ่าน Call Center โทร.1781 และเจ้าหน้าที่ระบบวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อมีความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคนำไปสู่การต่อยอดทำตลาดได้แม่นยำมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความสำคัญช่องทางออนไลน์ด้วย และเตรียมพัฒนาช่องทางขายตรงในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังสนใจจะขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ในเบื้องต้นกำลังมองความเป็นไปได้เข้าไปทำตลาดร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจท้องถิ่นในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม