
OR ร่วง 3% เซ่นกัมพูชาแบน “น้ำมันไทย” เร่งระบายสต๊อกเดิม ยันไร้กระทบรายได้
OR ลบ 3% หลังข่าวกัมพูชาระงับนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย บริษัทเตรียมแผนระบายสต๊อกเดิม ชี้ไม่กระทบรายได้ เหตุมีสถานีบริการเพียง 186 แห่ง ขณะโบรกมองกระทบจำกัด หลังตลาดกัมพูชาสร้าง EBITDA แค่ 4% ของ OR ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (23 มิ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ณ เวลา 10:20 น. อยู่ที่ระดับ 10.20 บาท ลบ 0.30 บาท หรือ 2.86% สูงสุดที่ระดับ 10.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.11 ล้านบาท
โดยมีสาเหตุมาจากวานนี้ 22 มิ.ย. นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยว่า กัมพูชาจะระงับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซจากประเทศไทยทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทจัดหาน้ำมันในกัมพูชาสามารถนำเข้าจากแหล่งอื่นได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซภายในประเทศ
ส่วนก่อหน้าการประกาศดังกล่าวประชาชนกัมพูชาโดยเฉพาะปอยเปตเริ่มกักตุนน้ำมันและน้ำดื่มจากไทย เนื่องจากราคาน้ำมันในกัมพูชาสูงกว่า เช่น น้ำมันเบนซิน 95 ในกัมพูชาราคา 50 บาท/ลิตร เทียบกับ 41.54 บาทในไทย
ขณะที่ล่าสุด OR บริษัทไทยที่ลงทุนเปิดสถานีบริการน้ำมันกัมพูชาจำนวน 186 แห่ง อาทิ กรุงพนมเปญ เมืองเสียบเรียบ และตามเส้นทางหลักต่างๆ กล่าวว่า โดยจากข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาอาจจะประกาศห้ามไม่ให้นำเข้าน้ำมันจากประเทศไทยไปยังสถานีบริการน้ำมันของ OR ในกัมพูชานั้น
ทางผู้บริหารระดับสูงของ OR ระบุว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงยังไม่ขอให้ความเห็นใดๆ และกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในแต่ละวันว่าการห้ามนำเข้าน้ำมันจากประเทศไทยเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และจะเริ่มมีผลเมื่อใด
ทั้งนี้ กรณีหากกัมพูชาสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันของ OR จำหน่ายในประเทศจากเหตุการณ์นี้ OR จะขายน้ำมันที่มีอยู่ในสต็อกตามปั๊มแต่ละแห่งจนหมดก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ OR เนื่องจากกัมพูชามีปั๊มน้ำมัน OR เพียง 186 แห่ง และร้านกาแฟอเมซอนอีก 254 แห่ง เทียบกับปั๊มในไทยที่มีมากกว่า 2,000 แห่ง
โดย OR ในถานะผู้ส่งน้ำมันได้วางกลยุทธ์ให้กัมพูชาเป็น “บ้านหลังที่สอง” (Second Homebase) ในการดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท PTT Cambodia Limited (PTTCL) เพื่อให้บริการจัดหาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในกัมพูชามาตั้งแต่ปี 1995 ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ได้แก่
1.ให้บริการเติมน้ำมันเครื่องบิน ผ่านสนามบินนานาชาติพนมเปญ เสียมเรียบ และ Kong Keng, 2.ให้บริการส่งน้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และหล่อลื่นให้กับโรงงานอุตสาหกรรม
3.ขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมัน พีทีทีสเตชั่นจำนวน 186 สาขา (ณ มี.ค. 68), 4.ทำธุรกิจเสริมอื่นๆ ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ ธุรกิจร้านกาแฟ Café Amazon โดยประเทศกัมพูชามีจำนวนสาขามากเป็นอันดับ 1 มีจำนวนสาขารวม 254 สาขา (ณ มี.ค. 68) ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่, เปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ และสถานี battery swapping สำหรับรถสามล้ออีวี รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรเปิดร้านสะดวกซัก Otteri wash & dry แห่งแรกในกัมพูชา, 5.ขายส่งผ่านผู้ค้าส่ง และบริษัทน้ำมัน ผ่านคลังน้ำมันเรียม และ 6.บริหารคลังน้ำมันจำนวน 7 แห่ง
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายนักวิเคราะห์เชื่อว่าข่าวนี้จะมีผลกระทบจำกัดต่อ OR แม้ว่าปริมาณขายน้ำมันในกัมพูชาจะคิดเป็นประมาณ 28%-30% ของปริมาณขายน้ำมันต่างประเทศทั้งหมดในไตรมาส 1/68 แต่กัมพูชานั้นสร้าง EBITDA คิดเป็นเพียงประมาณ 4% ของ EBITDA ทั้งหมดของ OR เท่านั้น
นอกจากนี้ เชื่อว่าแม้จะมีการห้ามการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทย แต่บริษัทย่อยของ OR ในกัมพูชาก็น่าที่จะนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่นมาขายแทนได้ ทั้งนี้ OR มีสถานีบริการน้ำมันรวม 186 แห่ง, ร้าน Cafe Amazon จำนวน 254 ร้าน, และร้านสะดวกซื้อ 71 แห่งในกัมพูชา ณ สิ้นไตรมาส 1/68 ทั้งนี้แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาฝ่ายนักวิเคราะห์มองผลกระทบเป็นลบเล็กน้อยต่อ OR เนื่องจาก OR มีกำไรจากขายนํ้ามันและกาแฟในกัมพูชาคิดเป็นประมาณ 4% ของกำไรทั้งหมด ในขณะที่ PTT ไม่มีการส่งก๊าซธรรมชาติไปกัมพูชาอยู่แล้ว ทั้งนี้ยังคาแนะนำ “ถือ” OR ราคาเป้าหมายที่ 15.00 บาท