
KS มองบวก TOP ชูเป้า 36.50 บาท มอง “ค่าการกลั่น” ครึ่งปีหลังสดใส
KS ยังคงแนะนำ “Outperform” หุ้น TOP ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท มองครึ่งปีหลังค่าการกลั่นยังเป็นขาขึ้น ขณะที่ยังเดินหน้าโครงการ CFP ตามแผน พร้อมแผนลดหนี้ต่อเนื่องผ่าน asset monetization
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยมุมมองต่อ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาส 2/2568 โดยประเมินสถานะเป็นกลาง แต่ยังคงแนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาทต่อหุ้น
สำหรับโครงการ Clean Fuel Project (CFP) TOP ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว โดยเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจากสัญญา Lump-sum Turn Key กับผู้รับเหมาหลัก มาเป็นการว่าจ้าง EPCM เข้ามาช่วยบริหารและดำเนินการก่อสร้างโดยตรง ปัจจุบันได้มีการมอบหมายงานให้กับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STECON) และ ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA ในส่วนที่มีความล่าช้า โดยมีแรงงานกว่า 3,000 คนเข้ามาดำเนินงานแล้ว คาดว่ายังอยู่ในกรอบงบประมาณและไทม์ไลน์ที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ถาวร (perpetual bond) ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับโครงการ
ด้านการลดหนี้ (deleveraging) บริษัทได้ดำเนินการซื้อคืนหุ้นกู้และชำระหนี้สถาบันการเงินก่อนกำหนดในไตรมาส 2/2568 พร้อมใช้วงเงิน Crude credit facilities จาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แทน โดยมีแผนนำเงินจากการทำ asset monetization มาลดหนี้เพิ่มเติม เพื่อรักษาเครดิตเรตติ้งให้อยู่ในระดับ Investment grade ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2568 ขณะที่การพิจารณาทบทวนเครดิตเรตติ้งจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2568
สำหรับแนวโน้มธุรกิจ TOP ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสอ่อนตัวจากอุปทานที่สูงกว่าความต้องการ แต่ค่าการกลั่นยังคงอยู่ในทิศทางปรับขึ้น เนื่องจากอุปทานสุทธิ (net supply) ต่ำกว่าความต้องการเพิ่มขึ้น (incremental demand) โดยได้รับแรงหนุนจากการปิดโรงกลั่นในยุโรปและแนวโน้มการจำกัดการผลิตโรงกลั่น T-pot ในจีนตามนโยบาย China anti-involution policy อีกทั้งสต๊อกน้ำมันดีเซลโลกยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งช่วยให้ค่าการกลั่นในครึ่งปีหลังยังอยู่ในระดับดี แม้ยังมีความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของ crude premium
นอกจากนี้ ธุรกิจอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง จากความล่าช้าในการดำเนินโครงการของจีนและการปิดซ่อมบำรุงโรงงานน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานในภูมิภาค ขณะที่ธุรกิจโอเลฟินส์ยังคงอยู่ในภาวะขาลง (down cycle) ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571