
“ชัยยศ” แนะเก็บหุ้น “งบสวย” ชู ADVANC-TRUE-KTC-MTC
นายชัยยศ จิวางกูร กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เน้นการลงทุนแบบคัดเลือกหุ้นรายกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นงบดี เช่น กลุ่ม ICT อย่าง ADVANC, TRUE และกลุ่มไฟแนนซ์ KTC, MTC ได้รับแรงซื้อชัดเจน ขณะที่นักลงทุนจับตานโยบายดอกเบี้ย กนง.
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (12 พ.ย.68) ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้อยู่ในภาวะที่สะท้อนผลของฤดูกาลประกาศผลประกอบการ (Earning Season) ซึ่งโดยปกติในแต่ละไตรมาสจะมีทั้งบริษัทที่คาดว่างบจะออกมาดี และบางส่วนที่คาดว่างบจะไม่ดี ส่งผลให้ดัชนีตลาดโดยรวมเป็นลักษณะของการ “เลือกลงทุนเป็นรายกลุ่ม” หรือ “Selective Play” มากกว่าการเก็งกำไรแบบกว้าง
นายชัยยศ กล่าวอีกว่า หุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าคาดจะได้รับแรงเก็งกำไรอย่างชัดเจน เช่น กลุ่มICT ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ที่คาดการณ์ไว้ดีอยู่แล้วแต่ประกาศออกมาดีกว่าค่าเฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้ ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มธนาคารที่มีแรงซื้อในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดยังมีความคละกันระหว่างหุ้นที่งบดีและงบอ่อนตัว นักลงทุนจึงเลือกลงทุนเป็นรายตัว ส่งผลให้หุ้นที่คาดว่างบไม่ดีมีแรงซื้อขายลดลง วอลุ่มในตลาดโดยรวมจึงค่อย ๆ หดตัวลงทุกวัน ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมการลงทุนที่เน้นการคัดเลือกหุ้นรายกลุ่มมากกว่าการเก็งกำไรในวงกว้าง
สำหรับประเด็นการเมือง นายชัยยศมองว่าไม่มีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนมากนัก เพราะไทม์ไลน์การเลือกตั้งชัดเจน ขณะที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากนโยบายรัฐ เช่น “เที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งถูกตอบรับไปแล้วในระดับหนึ่ง โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างรอติดตามตัวเลขการใช้จ่ายจริงจากมาตรการดังกล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเน้น “Selective Play” ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่ผันผวน โดยกลุ่มที่น่าสนใจคือกลุ่มไฟแนนซ์ ซึ่งงบไตรมาส 3/68 ออกมาดี เช่น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC และบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC จากการลดตั้งสำรองและคุม NPL ได้ดี อีกทั้งมีโอกาสได้อานิสงส์จากการลดดอกเบี้ยในการประชุม กนง. วันที่ 17 ธ.ค.นี้ หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ ซึ่งเอื้อต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
กลุ่ม ICT ยังแนะนำลงทุนเชิงคัดเลือกต่อเนื่อง จากแนวโน้มงบไตรมาส 4 ถึงปี 2569 เติบโตได้ดี ส่วนกลุ่มธนาคารแม้งบออกมาดี แต่เป็นรายได้พิเศษมากกว่าการเติบโตจากดอกเบี้ย จึงเหมาะกับการถือเพื่อรับปันผล อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3–6%
สำหรับกลุ่มการบิน มองว่า บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ทำผลงานดีในไตรมาส 3 จากฤดูกาลท่องเที่ยว แต่คาดไตรมาส 4 ชะลอตัว ขณะที่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ได้อานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้ประโยชน์ชัดเจนสุดจากการฟื้นตัวของการเดินทาง โดยหากค่า PSC ปรับจาก 730 เป็น 1,000 บาท จะหนุนรายได้เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่ง บล.กรุงศรี ประเมินว่าหาก PSC อยู่ที่ 750 บาท มูลค่าหุ้นราว 40 บาท และหากปรับถึง 1,000 บาท จะอยู่ราว 45 บาท
อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวยังต้องพิจารณาความเหมาะสมและต้นทุนของนักท่องเที่ยว ส่วนกรณีสัมปทานคิง เพาเวอร์ (King Power) ยังไม่ชัดว่าจะต่อสัญญาหรือคืนพื้นที่บางส่วน รายได้จากค่า PSC อาจชดเชยได้เพียงบางส่วน จนกว่าจะมีความชัดเจนของสัญญาและเงื่อนไขใหม่ในอนาคต

