
อินฟลูหุ้นจอมปลอม?
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ “โมนิก้า” ต้องวิ่งแจ้นมาปั่นงานแบบตาลีตาเหลือก หลังมีข้อความจาก “สภาธุรกิจตลาดทุน” หรือ FETCO ออกมาในทำนอง FA ตั้งราคาขาย IPO แพง?
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ “โมนิก้า” ต้องวิ่งแจ้นมาปั่นงานแบบตาลีตาเหลือก หลังมีข้อความจาก “สภาธุรกิจตลาดทุน” หรือ FETCO ออกมาในทำนอง FA ตั้งราคาขาย IPO แพง? ซึ่งทำให้อีฉันเกิดอาการงงเต็กขึ้นมาในทันที เพราะคนเหล่านี้ “ไม่รู้สี่รู้แปด” เรื่องราวการตั้งราคาหุ้นไอพีโอตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยจริง ๆ อีฉันถึงอยากถามว่า การตั้งราคาขายบน PE 10 เท่า หรือบางครั้งตั้งต่ำกว่า PE กลุ่ม เป็นการตั้งที่แพงไปเหรอ?
ที่สำคัญคือ วันนี้อีฉันยังไม่เห็นหน่วยงานต่าง ๆ ระดมสมองเพื่อหาทางฟื้นฟูตลาดไอพีโอเลย เพราะแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมัวแต่เกียร์ว่าง หลังเรื่องดังกล่าวเป็นเผือกร้อนที่ไม่มีใครอยากจะรับไว้ แต่เผอิญอีฉันเป็นพวกหน้าด้านหน้าทนที่พร้อมสู้กับความจริง จึงกล้าออกโรงมาพูดเรื่องราวบางอย่างที่หลายคนไม่กล้าพูด โดยเฉพาะท่าทีของ ก.ล.ต. ที่เต้นไปตามกระแสโซเชียล..บ้าจี้กันเกินไปหรือเปล่าคุณพี่
โดยเฉพาะการเรียกให้ SMO ต้องทำหนังสือชี้แจงเรื่องผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งที่ขั้นตอนทุกอย่างผ่านการอนุมัติจากหน่วยงาน ก.ล.ต. แต่ทันทีที่อาจารย์ดังเอารายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นเด็กมาแขวน (ตอนนี้ลบไปแล้ว) พร้อมกับเรียกหาคำตอบจากหน่วยงานดังกล่าว ผนวกกับพวกอินฟลูฯ พากันออกมาพูดเจื้อยแจ้วโดยไม่รู้หอกอะไรเลย! แต่หน่วยงานที่เป็นด่านหน้าอย่าง ก.ล.ต. กลับมีอาการเต้นเป็นเจ้าเข้าในทันที!..มันสมควรไหมเจ้าค่ะ
ด้วยประเด็นมากมายข้างต้น ทำให้อีฉันสรุปประเด็นที่จะเม้าท์มี 3 เรื่องด้วยกันคือ 1.กระบวนการทำงานของ ก.ล.ต. 2.บทบาทของ ตลท. และ 3.กระบวนการตั้งราคา เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นจุดยืนในการทำงานของแต่ละหน่วยงานในอดีต และปัจจุบัน แตกต่างกันมากขนาดไหน? โดยเฉพาะประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องกับหุ้นไอพีโอ มันเป็นภาพที่ทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงการทำงานของอาจารย์ “วรพล” ขึ้นมาทันที เพราะเป็นคนปลุกไอพีโอให้กลับมามีความคึกคักนะซี
น่าเสียดายที่การทำงานของ ก.ล.ต. ยุคนี้ไม่มีใจในการเป็นพี่เลี้ยงให้กับบริษัทที่เข้าตลาดหุ้น และที่น่าเสียใจมากไปกว่านั้นคืออาจารย์ “พรอนงค์” ซึ่งคุ้นเคยกับตลาดหุ้น และตอนนี้เป็นหัวเรือใหญ่ กลับไม่เทคแอ๊คชั่นเพื่อช่วยชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้น SMO เมื่อต้นสัปดาห์..มันไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกอินฟลูมโนจากสิ่งที่เห็นเพียงไม่กี่บรรทัด (ไฟลิ่งเคยอ่านกันไหม?) อีฉันเลยสงสัยว่าพวกอินฟลูไม่เคยศึกษาหลักสูตรการเงินที่ว่าด้วยเรื่องโครงสร้างธุรกิจครอบครัว เลยเกิดอาการเพ้อเจ้อกันเป็นแถวแบบนี้..ก.ล.ต.ยังจะสนับสนุนโครงการอินฟลูตลาดทุนอีกเหรอ..คนในตลาดหุ้นฝากถามมาจ้า!
ประเด็นถัดมาคงเป็นท่าทีของ ตลท. ที่ค่อนข้างนิ่งเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นน้องใหม่ที่เข้าเทรดบน PE 7 เท่า แต่วันนี้เหลือเทรดบน PE 5 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่เมคเซนส์เอาเสียเลย หรือแม้กระทั่งหุ้นบางตัวที่อยู่ในตลาดหุ้นตอนนี้ ก็เทรดบนพีอีที่ต่ำเรีย่ดิน ซึ่งเป็นช็อตที่ ตลท. ควรออกมาย้ำหัวหมุดให้นักลงทุนรู้ว่า หุ้นไทยตอนนี้ถูกและดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน (สมัยก่อนทำบ่อยมาก) พะยะค่ะ
ส่วนประเด็นสุดท้ายที่กลายเป็นดราม่าสด ๆ ร้อน ๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ FETCO ออกมาพูด ขายหุ้นแพง? ซึ่งทำให้ผู้คนที่อยู่ในแวดวงตลาดทุนหัวเราะจนฟันแทบร่วงหมดปาก เพราะคุณพี่ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน เพราะเห็นกันทนโท่ว่า ถ้าขายต่ำกว่าแวลูที่เป็นจริงมาก ๆ ก็คงไม่มีใครอยากเข้าตลาดหุ้น ซึ่งเห็นได้จากจำนวนหุ้นไอพีโอที่เข้าปีนี้มีเพียง 17 ตัว จากเป้าที่เคยตั้งไว้ปีละ 40 ตัว แถมที่อยู่ในระบบอีกเป็นตับ ก็เตรียมถอนสมอแบบนี้..พูดผิด พูดใหม่ได้นะจ๊ะ
อ้อ!..อย่าลืมว่า กระบวนการกำหนดราคาไอพีโอประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ เจ้าของ FA และอันเดอร์ไรท์เตอร์ แต่คนที่เป็นคนเคาะราคาสุดท้ายจริง ๆ คือ อันเดอร์ไรท์เตอร์ เพราะต้องเอาหุ้นไปขายให้กับลูกค้าโบรกเกอร์ของตัวเอง จึงต้องเคาะราคาที่มีดิสเค้าท์มากสุดให้ลูกค้า และในอดีตก็มีตัวอย่างเปลี่ยนอันเดอร์ไรท์มานักต่อนัก “โมนิก้า” เลยหวังว่า เสียงสะท้อนของอีฉันจะทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นฉุกคิดได้บ้างก็เท่านั้นเอง!
โมนิก้าและทีมงาน