EPG เล็งปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 60/61 เชื่อรับอานิสงส์นโยบาย “ทรัมป์”

EPG เล็งปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 60/61 จากเดิมคาดโต 15% เชื่อรับอานิสงส์นโยบาย "ทรัมป์" – ทุ่มงบราว 100 ลบ. ซื้อเครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงในสหรัฐฯ หวังรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ


นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า บริษัทมองโอกาสที่ปรับเป้ารายได้งวดปี 60/61 (เม.ย.60 – มี.ค.61) จากที่ตั้งไว้เดิมจะเติบโตราว 15% เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจทั้ง 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ,ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS ,ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP  เป็นต้น เนื่องจากเชื่อว่าธุรกิจหลักของบริษัทน่าจะได้รับผลดีจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

ทั้งนี้ แผนธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX คาดหวังว่าในงวดปี 60/61 จะมียอดคำสั่งซื้อกลับมาอีกครั้ง จากการฟื้นตัวดีขึ้นของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ จากการดำเนินนโยบายของนายทรัมป์ ที่มุ่งเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ซึ่งหากทำได้จริงจะเกิดการลงทุนในระดับล้านล้านเหรียญสหรัฐ และน่าจะทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนตามไปด้วย โดยเฉพาะด้านวัสดุก่อสร้าง และสินค้ากันความร้อน/เย็น

“หากการดำเนินนโนบายของทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน สามารถเกิดขึ้นได้จริงและทำได้ไวในปีนี้ ก็น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้คาดว่าในช่วงกลางปีอาจจะมีการปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้น” นายเฉลียว กล่าว

ส่วนตลาดญี่ปุ่นกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2020 และมีการพัฒนาในธุรกิจหลายแห่ง ขณะที่รัสเซีย หรือในภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็มีกำลังซื้อดีขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ และ จีน รวมถึงกลุ่มประเทศที่กำลังเติบโตในภูมิภาค เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย อีกทั้งตลาดอาเซียนก็มีการเติบโตดีขึ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค

นายเฉลียว กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 100 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงในสหรัฐฯ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายใต้การดำรงตำแหน่งของประธนาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

ด้านธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS โดยงวดปี 60/61 บริษัทฯวางงบลงทุนราว 400 ล้านบาท จะใช้ลงทุนในธุรกิจดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ โดย TJM เตรียมเปิดสาขาตนเองในประเทศออสเตรเลีย จากคาดการณ์ว่าออสเตรเลียจะมีอัตราการเติบโต GDP ที่ 2% และออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของ AEROKLAS ออกจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น

ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ก็เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติความเร็วสูง ที่ EPP phase 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยล่าสุด EPP ได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีชื่อว่า Eici แบรนด์น้องใหม่ เข้าไปจับตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภททั่วไป และเริ่มรุกตลาดในประเทศ รวมถึง AEC ด้วย คาดว่าจะเริ่มนำสินค้าออกจำหน่ายได้ในเดือนมี.ค.60 เป็นต้นไป และน่าจะส่งผลดีต่อรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นายเฉลียว กล่าวอีกว่า บริษัทถือว่ามีแหล่งเงินทุนที่ดีอยู่ โดยยังมีหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ D/E 0.32 เท่า โดยยังมีความสามารถในการกู้ยืมจากสถานบันทางการเงินได้อีกมาก และน่าจะเพียงพอต่อการลงทุน รวมไปถึงการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าร่วมทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และขยายฐานลูกค้า อย่างไรก็ตามหากสามารถเห็นความชัดเจน บริษัทฯเตรียมงบลงทุนในการทำดิลไว้ราว 1,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ของงวดปี 59/60 (ม.ค.60-มี.ค.60) คาดว่าในช่วงที่เหลือของงวดปีนี้ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องใน 3 ธุรกิจ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความผันผวน ส่งผลต่อยอดขายในทุกๆผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง แต่บริษัทก็มีการปรับตัวให้สามารถอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจได้ตลอดเวลา โดยได้ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าเป็นตัวช่วย ทำให้ยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงที่ 32.5%

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 59/60 (ต.ค.-ธ.ค.59) มีรายได้จากการขาย 2,302.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% และมีกำไรสุทธิ 332.0 ล้านบาท ลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

Back to top button