GPSC บวก 3% แวลู่ทะลักกว่า 4 พันลบ. โบรกเชียร์ซื้อกำไรปี 65 โตแกร่ง-ราคา Laggard

GPSC บวก 3% แวลู่ทะลักกว่า 4 พันลบ. โบรกเชียร์ซื้อกำไรปี 65 โตแกร่ง-ราคา Laggard กลุ่มแบตเตอรี่ เคาะเป้าสูง 94.50 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 ธ.ค. 2564) ราคาหุ้น บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ณ เวลา 15:47 น. อยู่ที่ระดับ 85.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 3.31% โดยทำจุดสูงสุดที่ 88.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 82.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.65 พันล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ

บล. คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4/2564 ลดลงจากไตรมาสก่อน จาก Seasonal Demand และผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้น แต่จะได้เงินชดเชยจากค่าประกัน IPP Phase 5 ที่เกิดการ Unplanned S/D ระหว่างปีประมาณ 1.30 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิออกมาเติบโต

นอกจากนี้แนวโน้มปี 2565 คาดเติบโตจากการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนลดลง นอกจากนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน 2 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Avaada อินเดีย ในปี 2564-2566 และพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ไต้หวัน CI Changfang / CI Xidao ในปี 2567 ขณะที่โครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างอย่าง ERU, Glow Phase 2 ยังเป็นไปตามแผน ทั้งนี้แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 91.50 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ โดยประเมิน GPSC ราคาหุ้นยัง Laggard หุ้นในกลุ่มที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่รถ EV ซึ่ง GPSC มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย 30MWh (เริ่มเดินเครื่องผลิตแล้ว) และร่วมลงทุนที่จีนกำลังการผลิตแบตเตอรี่ 1GWh (GPSC ถือหุ้น 11.10% คาดเริ่มเดินเครื่องผลิตในปี 2566) นอกจากนี้ Forward PE ปี 2565 ยังต่ำเพียง 21.70 เท่า แนะนำ “เก็งกำไร” เป้าพื้นฐาน 94.50 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (17 พ.ย.64) ประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนผ่านจุดต่ำสุดและจะฟื้นตัวแข็งแรงในไตรมาส 4 ปี  2564 โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Reopening Play โดยเฉพาะค้าปลีก ร้านอาหาร ขนส่งผู้โดยสาร บันเทิง ตามการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์ หนุนเศรษฐกิจภาพรวมฟื้นตัว โดยเบื้องต้นหากอิงเป้าหมาย GDP ของภาครัฐที่คาดโต 0.7-1% ในปีนี้ GDP จะต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า เพิ่ม 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าอย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มท่องเที่ยวที่ราคาสะท้อนความคาดหวังสูงยังต้องจับตาจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน 5 ธ.ค. 2564 – ม.ค. 2565 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวที่ชัดเจน

ด้านนักวิเคราะห์คาดการฟื้นตัวของ GDP ที่จะทำให้ SET  Index  ไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่องโดยสถิติในอดีตพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกในทุกช่วงเวลาและชัดเจนกว่าปัจจัยเศรษฐกิจอื่นๆทั้ง Fund Flow เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย และคาดมีน้ำหนักมากกว่าการลด QE ของ FED และเงินเฟ้อที่สูงซึ่งทำให้ FED ดำเนินนโยบายการเงินที่ทยอยตึงตัวขึ้นซึ่งไม่เป็นปัจจัยหลักที่กดดันหุ้นไทยเพราะกระแสเงินทุนต่างชาติไม่ได้ไหลเข้าหุ้นไทยอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มทำ QE เม.ย. 2563

นอกจากนี้คง SET Index ปี 2565 ที่ 1,770 จุด อิง EPS ที่ 96 บาทและ PER 18.5 เท่า โดยระยะกลาง-ยาวยังมองระดับ 1,600+- จุดหรือต่ำกว่าเป็นจังหวะทยอยสะสม นักวิเคราะห์ยังเน้นหุ้น Domestic Play และหันที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2565 ไม่ถูก Disrupt และมีความยั่งยืนด้าน ESG โดยยังคง Top Pick ช่วงไตรมาส 4 ปี 2564-2565 ได้แก่ CK CPALL CRC GPSC JWD TKS ORI SCB TU VRANDA

Back to top button