TWPC แนวโน้มโตเพิ่มขึ้น

การควบรวมกิจการในช่วงไตรมาส 4 ปี 58 ของ TWS และ TWFP มาเป็น TWPC ทำให้มีความได้เปรียบคู่แข่งในด้าน 1) ต้นทุนของวัตถุดิบที่ต่ำและราคาขายที่แน่นอน 2) ผลประกอบการมั่นคงยิ่งขึ้นหลังรวมกิจการผลิตเส้นสปาเก็ตตี้ (มีส่วนแบ่งการตลาด 43%) 3) การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในเชิงรุก โดยเฉพาะในจีนผ่านยี่ห้อ "Rose Brand"


–คุณค่าบริษัท–

 

การควบรวมกิจการในช่วงไตรมาส 4 ปี 58 ของ TWS และ TWFP มาเป็น บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ทำให้มีความได้เปรียบคู่แข่งในด้าน 1) ต้นทุนของวัตถุดิบที่ต่ำและราคาขายที่แน่นอน  2) ผลประกอบการมั่นคงยิ่งขึ้นหลังรวมกิจการผลิตเส้นสปาเก็ตตี้ (มีส่วนแบ่งการตลาด 43%) 3) การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในเชิงรุก โดยเฉพาะในจีนผ่านยี่ห้อ “Rose Brand”

สิ่งสำคัญ ต่อจากนี้ผลิตภัณฑ์หลักของ TWPC ยังมีความต้องการสูง โดยแป้งมันสำปะหลังซึ่งได้ประโยชน์จากการบริโภคของจีน ทำให้บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตของแป้งมันสำปะหลังเป็น 4.35 แสนตันต่อปี จากเดิม 3.3 แสนตันต่อปี และกำลังการผลิตเส้น vermicelli เพิ่มขึ้น 2.31 หมื่นตันต่อปี จากเดิม 2.2 หมื่นตันต่อปี กลูโคสเพิ่มขึ้น 4.5 หมื่นตันต่อปี จากเดิม 3.3 หมื่นตันต่อปี และมีการเพิ่มกำลังการผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็น 4.05 พันตันต่อปี จากเดิม 1.1 พันตันต่อปี  

ประกอบกับจะมีปัจจัยบวกจาก 1) การดำเนินธุรกิจอาหารที่เวียดนามที่ดีขึ้น 2) การขยายกิจการ และทำ M&A ในเวียดนามและกัมพูชา จากปริมาณเงินสดในมือที่สูง 3) โรงไฟฟ้าชีวมวล 9 เมกะวัตต์ โดยใช้เชื้อเพลิงจากมันสำปะหลัง 4) การขายอาหารสัตว์ และ 5) การขายสินทรัพย์ปัจจุบันมีที่ดิน 1.5 พันไร่ มีมูลค่าเกิน 400 ล้านบาท

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล. ทิสโก้ มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่ 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยต้นทุนที่ลดลง และปัจจัยบวกจากการทำ Cross-selling แต่อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการลดลง 15% จากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องมาจากปัจจัยทางฤดูกาลและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโรงงาน แต่ชดเชยได้บางส่วนจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงไตรมาสที่ผ่านมาทั้งตลาดภายในและภายนอกประเทศ

โดยคาดรายได้ในช่วงไตรมาส  2/59 ที่ 1.45 พันล้านบาท ลดลง 4.7% จากช่วงไตรมาสก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 23.2% เทียบกับในไตรมาส 2/59 ที่ 21.2% และคาดว่า SG&A ต่อยอดขายจะลดลงเป็น 12.2% จากเดิม 12.9% ได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการ และ R&D

นอกจากนี้  ยังแนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมเป็น  9.50 บาท และปรับมูลค่าที่เหมาะสมเป็นปี 2560 อ้างอิง PER 14.1 เท่า โดยมีอัพไซด์ 18% และผลประกอบการเติบโต 13.6% ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 518 ล้านบาท ใน 2559

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.CHANG FUNG COMPANY LIMITED 89,093,634 หุ้น 10.12%

2.บริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) 77,327,051 หุ้น 8.78%

3.CREDIT SUISSE AG, SINGAPORE BRANCH 74,111,323 หุ้น 8.42%

4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 52,587,396 หุ้น 5.97%

5.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล คอมเมอร์เชียล ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด 34,708,545 หุ้น 3.94%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย โฮ กวงปิง ประธานกรรมการบริษัท

2.นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

3.นาย โฮ เรน ฮวา กรรมการ

4.นาย เศรษฐ์ไสย เศรษฐการุณย์ กรรมการผู้จัดการ

5.นาย อำนาจ สุขประสงค์ผล กรรมการผู้จัดการ

Back to top button