หุ้นแบงก์กลับมา

สะเหล่อจริง ๆ เพจ “ไทยรู้ สู้โควิด” ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลงานประเดิมของดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่ได้รับการแต่งตั้งหมาด ๆ


สะเหล่อจริง ๆ เพจ ไทยรู้ สู้โควิด” ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลงานประเดิมของดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่ได้รับการแต่งตั้งหมาด ๆ จากนายกฯ ให้มาเป็นแม่ทัพในสงครามข่าวสารโควิดฝ่ายรัฐบาล

เพจเชียร์รัฐบาลดังกล่าว ขึ้นหัวข้อหราเลยว่า “ประเทศไทย ฉีดวัคซีนเข้าใกล้ภูมิคุ้มกันหมู่ จำนวน 50 ล้านคนแล้ว” เฮ้อ! จะเชียร์กันก็ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลยนะว่า จำนวนการฉีดวัคซีนที่แท้จริงเป็นเท่าไร

ตัวเลขการฉีดวัคซีนสะสมในวันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค. ก่อนจะมีเพจไทยรู้ฯ ออกมาในวันจันทร์ที่ 23 ส.ค.คือ 27,038,999 ล้านโดสครับ ยังขาดอยู่อีกตั้ง 72,961,001 ล้านโดส หรือฉีดไปได้เพียง 27% ของ 100 ล้านโดสเท่านั้น

หากคิดเทียบเป็นจำนวน “คน” ก็ต้องคิดที่ยอดฉีดสะสมเข็มที่ 1 จำนวน 20,430,028 โดส หรือ 20,430,028 คน จำนวนเดียวกัน (เข็ม 2 และเข็ม 3 ฉีดซ้ำมาจากเข็มที่ 1 ไม่ต้องเอามานับรวม)

เพิ่งจะฉีดวัคซีนกันแค่ 20.4 ล้านคนเท่าเนี้ย ดันมาเคลมว่า เข้าใกล้ ภูมิคุ้มกันหมู่ 50 ล้านคน” ได้อย่างไรกันเนี่ย!

มันน่าอายนะ ขอบอก! และจะทำให้รัฐบาลแก้ปัญหาแบบหลงทิศผิดทาง เหมือนเช่นที่เป็นมาโดยตลอดกันอีก สู้อย่ามีศูนย์โกหกพกลมเช่นนี้ให้คนไทยแตกแยกกัน และทำลายบรรยากาศคลายล็อกดาวน์ ยังจะดีเสียกว่า

ภายหลังทรมานทรกรรมกับโควิดจนมาถึงการระบาดระลอกที่ 4 การล็อกดาวน์เต็มเดือนสิงหาคม ท่ามกลางภาวะวัคซีน เตียงคนไข้ ยารักษาก็ขาดแคลนไปเสียทั้งหมด

แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไป ที่จะมีวัคซีนและยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มขึ้น และแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยก็ลดลง จากระดับ 2.0 หมื่นราย ลงมาระดับ 1.8 หมื่นราย

ตั้งแต่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป ศบค.ชุดเล็กเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ให้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์สเต็ปแรก โดยเปิดร้านอาหารให้นั่งกินได้ 50% ธุรกิจก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งบ้าน ร้านนวด สปา ธุรกิจไอที อุปกรณ์สื่อสารและไฟฟ้า และสนามกอล์ฟ

ก็หวังใจว่า จะไม่มีรายการ ขัดใจประชาชน” กันอีก! บรรยากาศของบ้านเมืองก็คงจะสดใสขึ้นมาไม่น้อย และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง ภายหลังความอับเฉาหดหู่มายาวนาน

สำหรับตลาดหุ้นเรา น่าจับตาหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด อาจจะกลับมามีบทบาทนำอีกครั้งตามมาตรการคลี่คลายล็อกดาวน์เป็นลำดับ

นับแต่โควิดระบาดต้นปี 2563 และทางการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ที่จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมทั้งการสั่งปิดกิจการ ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้เป็นจำนวนมาก ธนาคารพาณิชย์ต้องใช้มาตรการผ่อนปรนลูกหนี้ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การหยุดพักชำระทั้งก้อน หรือการจ่ายดอกหยุดต้น เป็นต้น

เป็นที่รู้กันดีว่า ในเวลาเกือบ 1 ปีครึ่งมานี้ รายได้และผลกำไรของธนาคารพาณิชย์ ล้วนเป็น รายได้ทิพย์” หรือ กำไรทิพย์” อันไม่มีตัวเงินอยู่จริง ธนาคารต้องใช้มาตรการ ตั้งสำรองสูง” มารับมือ ซึ่งบางธนาคารตั้งสำรองหนี้สูงกว่า 200%

ด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพหนี้ที่เลวลง และการปรับปรุงระบบรายได้-กำไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยมีความเข้มแข็งและความยืดหยุ่นค่อนข้างมาก

ไม่เหมือนกับในช่วงต้มยำกุ้ง

นับแต่เกิดการระบาดช่วงต้นปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงมาในระดับ 25-30% ซึ่งหากเศรษฐกิจเริ่มเปิดจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ ภาระแบกลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ก็จะลดลงเป็นอันมาก

หุ้นธนาคารจะกลับมามีบทบาทนำตามเศรษฐกิจที่เปิด และอัตราเร่งในการฉีดวัคซีนให้ประชาชน

Back to top button