ขึ้นแบบแทงกั๊ก

ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,617.89 จุด บวกไป 4.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.69 หมื่นล้านบาทแบบน่าเสียวไส้ เพราะฝรั่งยังขายหุ้นออกมาเรื่อยๆ น่ะซี


*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” รู้สึกเซ็งสุด ๆ เมื่อเห็นดัชนีทำท่าเหมือนจะลงต่อ และในขณะเดียวกันก็พยายามฝืนขึ้น จนดัชนีแกว่งตัวฉวัดเฉวียน ก่อนจะเฉลยในภายหลังว่า กองทุนเป็นคนพยุงดัชนี หลังเจียดเงิน 1.44 พันล้านบาทกลับมาซื้อหุ้นอีกครั้ง จนดัชนีสามารถยืนปิดที่ระดับ 1,617.89 จุด บวกไป 4.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.69 หมื่นล้านบาทแบบน่าเสียวไส้ เพราะฝรั่งยังขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ น่ะซี

*ประเด็นตรงนี้เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องพึงสังวรมากขึ้นกว่าเดิม เพราะปัจจัยหลายอย่างเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ดีไม่จริงเหมือนที่คิดไว้ ส่งผลให้แรงซื้อกระจัดกระจาย และไม่มีทิศทางที่แน่นอน รวมทั้งผลงานในไตรมาส 3 ยังตามหลอกหลอนไม่เลิก จึงส่งผลให้การเข้าลงทุนเที่ยวนี้เต็มไปด้วยแรงเก็งกำไร และทำให้หุ้นที่ขึ้นมาเที่ยวนี้ไปไม่ถึงฝั่งฝันไงล่ะคะ

*เมื่อเม้าท์ถึงฝั่งฝันขึ้นมาทั้งที ก็จำเป็นต้องพูดถึงแนวโน้มผลงานในไตรมาส 4 ควบคู่กันไปเลย เพราะเป็นสตอรี่ที่ขาใหญ่ ขาเล็ก ตามดูแบบเกาะติดขอบเวที เพื่อไม่ให้ตัวเองติดขบวนรถด่วนเที่ยวสำคัญ วานนี้ถึงมีข่าวเม้าท์มอยถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” สนใจข่าวลือที่แพร่สะพัดในระหว่างวันเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นเรื่องราวที่ทุกคนต้องหัดเรียนรู้ไปพร้อมกันพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB ซึ่งกำลังแปลงโฉมใหม่ที่อะร้าอร่าม เพื่อช่วยให้การรุกไปยังธุรกิจต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น ถือเป็นสตอรี่ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด จึงไม่ต้องแปลกใจที่ระหว่างวันมีข่าวเข้าไปถือหุ้น 51% ในบริษัทที่ชื่อ Bitkubซึ่งเป็นบริษัทที่คร่ำหวอดเรื่องเทรดเหรียญ และราคาหุ้นในกระดานก็ตอบรับเรื่องดังกล่าวด้วยการขึ้นมาปิดที่ 130 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.72 พันล้านบาท พร้อมกับอนุมานได้ว่า ราคาหุ้นกำลังยกฐานอีกครั้งนะนายจ๋า

*ส่วนรายที่เห็นกันอยู่แล้วว่า เปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมอย่าง GUNKUL ยังคงเป็นทีเด็ดสำหรับการเล่นรอบเหมือนเดิมทุกประการ เพราะแค่มองในมุมของการเทรดบน PE 12.50 เท่า ผนวกกับรายได้จากสายเขียวจะเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วยในปีหน้าแบบนี้ นักเล่นน่ารู้ด้วยตนเองทันทีว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.60 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 พันล้านบาท คือจังหวะของการตามน้ำเจ้าค่ะ

*คล้ายกับการขึ้นของเจ้าพ่อสื่อสารอย่าง ADVANC เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเลา ๆ ให้รู้ว่า การขึ้นรอบนี้มีนัยสำคัญสุด ๆ เพราะเป็นการวิ่งกลับขึ้นไปหายอดเดิม (แต่เป็นฐานเก่าก่อนเกิดโควิด) “โมนิก้า” เลยเชื่ออย่างสนิทใจว่า หากผลงานในช่วงที่เหลือของปีไม่แย่เกินไป น่าจะได้เห็นหุ้นขึ้นไปแถว 200 บาทอีกครั้ง และการยืนปิดที่ระดับ 192 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาท คงไม่แกงนะตัวเอง

*ประเด็นแกงข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น EE ตามคำเรียกร้องของสายบู๊กันสักหน่อย เพราะอาการอิดโรยที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 วันทำให้หลายคนเกิดอาการฝ่อขึ้นมากะทันหัน พร้อมกับสงสัยการทรุดตัวลงมาปิดที่ 1.61 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 137 ล้านบาท อาจเป็นการปิดเกมแบบ sell on fact หรือเปล่า? เดี๊ยนเลยแนะนำได้แค่ว่า ต้องตามไปดูกันเอาเอง! เพราะในบริบทนี้คือการเล่นท่ายากแล้วน่ะซี

*ส่วนคนที่อาการหนักเกินจะบรรยาย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นขนส่งตัวพ่ออย่าง KEX เพื่อชี้ให้เห็นบริบทของธุรกิจเปลี่ยนไปจากที่คาดหวังมากเหลือเกิน จนแรงขายไหลออกมาไม่หยุดหย่อน จนวานนี้ลงมาปิดที่ 33.50 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 823 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low แบบนี้ เดี๊ยนคงทำได้แค่นั่งทำใจ และมาพบกันใหม่ตอนแรงขายสะเด็ดน้ำนะจ๊ะ

*อีกรายที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟน ๆ จับตาดูเป็นพิเศษ คงโฟกัสไปที่หุ้น BBIK เพราะแรงขายที่ออกมาเที่ยวนี้เป็นผลมาจากหุ้นวิ่งเกินเป้า จึงมีแรง take profit ค่อนข้างรุนแรง จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 39.75 บาท ลบไป 5.75 บาท หรือลงไป 12.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 284 ล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้แบบสนิทใจ และในโลกของความเป็นจริงคือ “กำไรต้องวิ่งนำราคาหุ้น”..ทราบแล้วเปลี่ยน!

Back to top button