ขึ้นแรงทีเผลอ

บทสรุปเบื้องต้นอย่างหนึ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” เรียนรู้เรื่องสถานการณ์โควิดกลายพันธุ์คือ ต้องกล้าซื้อสวนในยามที่ทุกคนกลัว


*บทสรุปเบื้องต้นอย่างหนึ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” เรียนรู้เรื่องสถานการณ์โควิดกลายพันธุ์คือ ต้องกล้าซื้อสวนในยามที่ทุกคนกลัว เพราะเป็นจังหวะที่ทำให้ผู้เล่นมีต้นทุนต่ำกว่าคนอื่น และไม่ต้องกังวลกับการติดดอยแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะจุดที่เริ่มลงทุนมีดาวน์ไซด์ต่ำ ผสานกับการแพร่ระบาดของโควิดในระลอกสาม..ระลอกสี่ ก็กินเวลาแค่สองสามเดือน หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง..จำได้บ่!

*ประกอบกับนักเล่นกลุ่มสถาบันมีพฤติกรรมเล่นทีเผลอเป็นประจำ “โมนิก้า” เลยเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ดัชนีพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,609.28 จุด บวกไป 21.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.49 หมื่นล้านบาท ผนวกกับตลาดหุ้นต่างประเทศเขียวสดใสฟูฟ่อง บรรดานักเล่นเลยมีอารมณ์ร่วมแบบสุด ๆ และคาดหวังดัชนีจะปักหลักสร้างฐานแนวรับที่บริเวณ 1,600 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะทุกอย่างมันเข้าทางสุด ๆ เจ้าค่ะ

*ถึงกระนั้นเดี๊ยนยังต้องระลึกไว้เสมอว่า การเล่นสั้น ๆ อาจปั้นกำไรไม่ได้ตามเป้า แต่ถ้ามองการเล่นแบบยาว ๆ ย่อมเล็งเห็นผลอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ยังเป็นลักษณะ “ฝนห่าเดียว” ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกชุ่มช่ำหัวใจ แต่หลังจากนั้นต้องดูกันต่อไปว่า อิมแพ็คที่จะเกิดขึ้นของระบบเศรษฐกิจ “อเมริกา” กับ “จีน” จะส่งผลต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างไทยขนาดไหน?..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องมิ้น MINT หลังโดนพิษโควิดถล่มจนงอมพระราม วานนี้ก็แสดงให้เห็นกำลังภายในที่แข็งแกร่งด้วยการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 29.25     บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.68 พันล้านบาท ซึ่งตีความหมายได้ 2 อย่างคือ ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และราคาหุ้นลงหนักจนถึงฐานเก่า จึงได้เวลาของการเด้งกลับขึ้นไปหายอดเก่า 34 บาทไงล่ะคะ

*คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของเสือหงอย AOT ก็เด้งรับข่าวโอมิครอนไม่รุนแรงจนทำให้ทั่วโลกต้องประกาศปิดประเทศ กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มีแรงซื้อไหลเข้าตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 61.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.94 พันล้านบาท ก็เป็นเรื่องราวที่ต้องดูยาวๆ เพราะตัวเลขกำไรจริงยังไม่มา แต่ที่มาตอนนี้เป็นเรื่องของความเชื่อนะตัวเอง

*ส่วนรายที่เจ๋งเป้งจริง ๆ “โมนิก้า” ยังให้ความสำคัญกับแบงก์รับอย่าง KTB เป็นตัวเลือกอันดับแรก เพราะถ้ามองจากเมกะโปรเจกต์ที่เตรียมทำคลอดออกมาเรื่อย ๆ ย่อมส่งผลดีโดยตรงกับแบงก์รายนี้อย่างแน่นอน ราคาหุ้นเลยเด้งรับข่าวด้วยการขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.19 พันล้านบาท พร้อมกับมีลุ้นขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่ระดับ 13.80 บาทแบบนี้..ลุยต่อเลยไหมคะ

*สำหรับรายที่ “ขึ้นดี ขึ้นมัน” คงต้องมองไปที่เจ้าพ่อเกมอย่าง AS แบบไร้ข้อกังขาอะไรทั้งสิ้น เพราะในช่วงที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กำไรมาจริง! ส่งผลให้การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 24.70 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 709 ล้านบาท พร้อมกับทำออลไทม์ไฮไปแบบชิว ๆ กลายเป็นช็อตที่ทำให้ขาลุยต้องตามไปดูอีกสักไม้สองไม้ เพราะตามตำราที่ร่ำเรียนมาเขาบอกว่า PE 24 เท่าสำหรับหุ้นที่ยังมี growth..เล่นต่อแบบสบายใจเลยล่ะคุณพี่!

*คล้ายกับกรณีของหุ้นน้องใหม่ HL ซึ่งมีการรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า นับจากนี้กำไรโตทุกปีแน่นอน เพราะเงินที่ได้จากการขาย IPO ก็เอาไปขยายสาขาเพื่อเพิ่มรายได้ทั้งนั้น วานนี้จึงเห็นหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 16.90 บาท บวกไป 3.90 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาทอย่างร้อนแรง ซึ่งเป็นการเล่นรับข่าวล่วงหน้าที่สามารถจับต้องได้ เดี๊ยนเลยไม่วอรี่ว่า หุ้นจะไปต่อได้หรือไม่ เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า มีโกรทแน่นอนเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่น่ากังวลดันกลายเป็นหุ้น BWG เพราะดันเอาสตอรี่เกี่ยวกับยักษ์ใหญ่พลังงานจะเข้ามาร่วมทุนเสียอย่างนั้น! แถมคนในวงการก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีลนี้เกิดยาก! แต่ราคาหุ้นในกระดานก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 830 ล้านบาท จึงกลายเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ไม่ขอคอมเมนต์ให้เปลืองน้ำลาย และปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวมันเองดีกว่านะจ๊ะ

Back to top button