พึ่งสัมภเวสี

ดร.แรมโบ้เสกสกล ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ประกาศตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ “เป็นหัวหมาดีกว่าหางราชสีห์” พร้อมกับเผยว่า ต้นเดือนมีนาจะเปิดตัวผู้หลักผู้ใหญ่ ประวัติดี โปรไฟล์ดี มาร่วมพรรคที่แรมโบ้เป็น “หัวหมา”


ดร.แรมโบ้เสกสกล ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ประกาศตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ “เป็นหัวหมาดีกว่าหางราชสีห์” พร้อมกับเผยว่า ต้นเดือนมีนาจะเปิดตัวผู้หลักผู้ใหญ่ ประวัติดี โปรไฟล์ดี มาร่วมพรรคที่แรมโบ้เป็น “หัวหมา”

สื่อมองกันว่านี่คือพรรคอะไหล่ ไว้เสนอชื่อประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หลังพรรคพลังประชารัฐแตก ธรรมนัสนำ 20 ส.ส.ไปพรรคเศรษฐกิจไทย แตกไม่พอ ยังเสื่อมหนัก แพ้เลือกตั้งเขตหลักสี่กระจุยกระจาย

ข่าวบอกว่ายังมีพรรคไทยสร้างสรรค์ ผลักดันโดยอดีตรัฐมนตรี กปปส. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แหมทำไมไม่ไปพรรคไทยภักดี มีทั้งหมอวรงค์หมอเหรียญทองนักร้องดัง

เรื่องชื่อพรรคก็มีหลายคนขำ เศรษฐกิจไทย ไทยภักดี ไทยสร้างสรรค์ รวมไทยสร้างชาติ สร้างอนาคตไทย อีกฝั่งก็มีไทยสร้างไทย ทำไมไทยเยอะจัง

ทำไมประยุทธ์ต้องเป็นขุนทหารหาพรรค มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแบบพี่น้องแตกหัก ความขัดแย้งมีแน่ แต่ยังไง 3 ป.ก็ผูกชะตาร่วมกัน “รวมกันตายหมู่” แยกกันอยู่ยิ่งตายเร็ว

มันน่าจะเป็นความเห็นต่างในความพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสน ท่ามกลางความล้มเหลว รัฐบาลเสื่อมความนิยม

พูดง่าย ๆ พปชร.แตก ไม่ใช่เพราะตู่ป้อมแย่งอำนาจ แต่เป็นปัญหาฐานรากของพรรคที่ดูดนักการเมืองเก่ามากองรวมกัน โดยมีป้อมเป็นหัวจ่ายน้ำมัน แต่กลุ่มก๊วนต่าง ๆ ก็ต้องการเก้าอี้รัฐมนตรีตามโควตา ซึ่งเหลียวไปเหลียวมา อ้าว ปชป. ภท. ได้มากกว่า ครั้นจะขอความช่วยเหลือ ของบถนนแหล่งน้ำสะพานลงพื้นที่ อีก 2 ป.ก็ไม่เคยมาดูดำดูดี มท.1 ที่คุมผู้ว่าฯ นายอำเภอ ทำยังกับไม่ใช่คนพรรคเรา นับถอยหลังสู่เลือกตั้งแบบนี้ ก็แพ้สิ

มันจึงมีข่าวกดดันอยู่ตลอด จะให้ป้อมไปเป็น มท.1 แม้ออกมาปฏิเสธกันทุกครั้ง

ในขณะเดียวกัน ความเสื่อมของพลังประชารัฐ “พรรคป้อมแป้ง” ก็กระทบอย่างรุนแรงต่อฐานเสียงคนชั้นกลางเก่า “เรา (ยัง) รักประยุทธ์” เช่นเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ที่กลุ่มหนึ่งก็ย้ายไปลงพรรคขวาโต่งไทยภักดี กลุ่มหนึ่งไปพรรคกล้า (ซึ่งบรรยง พงษ์พานิช ผิดหวังว่าไม่น่าประกาศหนุนประยุทธ์โค้งสุดท้ายเพียงเพราะหวังคะแนน “สลิ่ม”)

พปชร.อ้างว่าคนเคยเลือกไม่มาลงคะแนน ซึ่งน่าจะจริง แต่ทำไมเขาไม่มา และยังมีคนกาไม่เลือกใครถึงสามพันกว่า

สถานการณ์วันนี้ของประยุทธ์ จึงอยู่บนความไม่สมดุลสองด้าน ด้านหนึ่งอำนาจยังแข็งปั๋ง ทหารตำรวจ รัฐราชการ 250 ส.ว.ยังเหนียวแน่น แถมยังมีคนเชียร์ที่ฝังหัวจริงจัง (40% ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งหลักสี่)

แต่อีกด้านหนึ่ง พรรคการเมืองที่เป็นขาหยั่งในสภาพังทลาย ความเชื่อถือความนิยมตกต่ำ บริหารโควิดล้มเหลว พอได้วัคซีนท่วมก็เศรษฐกิจพัง (ซึ่งก็ทำให้ ส.ส.พปชร.ก่ายหน้าผาก ขายประยุทธ์เป็นนายกฯ โคตรยาก แม้ยังบอกชาวบ้านได้ว่า 250 ส.ว.จะโหวตประยุทธ์อยู่ดี)

ความพังในที่สุด ยังมาจากฐานรากทางศีลธรรม พลังอนุรักษนิยมหนุนประยุทธ์สืบทอดอำนาจ หวังให้ใช้ความเด็ดขาด “เลือกความสงบ” กำราบทักษิณ โดยมองประยุทธ์เป็น “คนดี” ผู้จงรักภักดี ไม่โกงไม่กิน ครอบครัวอบอุ่น ฯลฯ เป็นเสมือนพลเอกเปรมแห่งทศวรรษ 2560

แต่ต้องผิดหวังแม้ยังปากแข็งหนุนประยุทธ์ เพราะหันไปมองพรรคป้อมแป้ง ปากว่าตาขยิบอย่างไรก็เหลืออด พรรคพลังประชารัฐพังไปแล้วในสายตาพวกอ้างศีลธรรม ซึ่งไม่ยอมรับความจริงว่า รัฐประหารสืบทอดอำนาจไม่มีความชอบธรรม ต้องกวาดต้อนนักการเมืองสัมภเวสีมารับใช้แบบ “พรรคมาร” สามัคคีธรรม จึงสืบทอดอำนาจได้

อำนาจหนุนหลังประยุทธ์ยังแข็ง จึงสามารถอยู่ต่อ แต่ฐานพรรคการเมืองพัง พลังประชารัฐหมดเครดิต

จากพรรคที่ก่อตั้งโดย ชวน ชูจันทร์ ประชารัฐตลาดน้ำ ตอนนี้ประยุทธ์จะต้องพึ่งพรรคที่ก่อตั้งโดยแรมโบ้ ผู้ถอนคำสาบานมา “กตัญญูประยุทธ์” อย่างนั้นหรือ

Back to top button