Nikon โฟกัส (ธุรกิจ) เปลี่ยนไป

นี่คือ “นวัตกรรมเทคโนโลยี” ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลิตภัณฑ์เดิม จนอาจถึงขั้นทำให้ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ล้มหายตายจากลงไป


พัฒนาการ “สมาร์ตโฟน” ว่าด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพก้าวล้ำอย่างรวดเร็ว ทั้งฟังก์ชั่น ความคมชัดในเครื่องเดียว กำลังบั่นทอน ธุรกิจกล้องถ่ายรูปสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวระบบดิจิทัล (DSLR) ที่ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ อีกครั้งหลังเกิดการเปลี่ยนถ่ายจากกล้อง SLR มาสู่ DSLR เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า Nikon ผู้ผลิตกล้องสัญชาติญี่ปุ่น เตรียมถอนตัวออกจากธุรกิจกล้อง DSLR เพื่อก้าวสู่กล้อง Mirrorless ท่ามกลางสนามแข่งขันรุนแรงจากกล้องสมาร์ตโฟน นั่นทำให้ Nikon ต้องสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้สมาร์ตโฟน จึงมีเป้าหมายปลุกปั้นกล้อง Mirrorless ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าเพื่อสร้างความได้เปรียบและพลิกสถานการณ์กลับมารับมือกับสมาร์ตโฟนอีกครั้ง

สำหรับกล้องถ่ายรูป DSLR (Digital Single Lens Reflex) คือกล้องถ่ายรูปสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวระบบดิจิทัล เป็นที่นิยมในกลุ่มนักถ่ายภาพมืออาชีพที่ต้องการรายละเอียดภาพสูง ส่วนกล้องถ่ายรูป Mirrorless (Mirrorless interchangeable lens camera) เป็นกล้องดิจิทัลที่ไม่มีกระจกสะท้อนเหมือน DSLR แต่ใช้เป็นเซ็นเซอร์ไฟฟ้าแทน

ตามข่าว Nikon มีแผนมุ่งผลิตกล้อง Mirrorless ให้เป็นผลิตภัณฑ์หลักแทน ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวมากขึ้นและมีเบื้องหลังเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าเดิม นับตั้งแต่กลางปี 2020 ที่มีการเปิดตัวกล้อง D6 รุ่นเรือธง แต่หลังจากนั้นไม่มีการเปิดตัวกล้อง DSLR ออกมาอีกเลย

โดย Nikon ก่อตั้งปี 1917 เริ่มผลิตและจำหน่ายกล้อง มาตั้งแต่ปี 1959 และปลายทศวรรษที่ 90 เริ่มทำตลาดกล้อง DSLR ได้รับผลตอบรับที่ดีจากช่างภาพมืออาชีพและนักข่าวมาอย่างยาวนาน ทำให้ชื่อ Nikon เป็นทางเลือกหนึ่งของกล้องที่คุณภาพสูงเทียบเท่ากล้อง Leica นับเป็นผู้ผลิตกล้อง SLR รายใหญ่อันดับสอง รองจากคู่ปรับสำคัญนั่นคือ Canon

แม้ว่า Nikon ออกมาระบุว่า ยังเดินหน้าผลิต จำหน่ายและให้บริการกล้อง DSLR ต่อไปก็ตาม

แต่ด้วยกระแส Disruptive Technology หรือการเปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนทำให้เกิดการปรับตัวอย่างมหาศาลโดยเฉพาะด้านการผลิตหากปรับตัวไม่ทันอาจถึงขั้นบริษัทล้มละลายไป

ปรากฏการณ์ Disrupt (ล้มล้างและทำลาย) ดังกล่าว เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระบวนการผลิต การขนส่ง หรือการใช้งานผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ มีตัวอย่างที่เห็นชัดมาแล้ว อย่างกรณี “สมาร์ตโฟน” ล้มล้างโทรศัพท์มือถือรูปแบบเก่า ๆ, “กล้องดิจิทัล” ล้มล้างกล้องฟิล์ม, “บริการสตรีมมิ่ง” ล้มล้างอุตสาหกรรมการเช่าหนัง, “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ล้มล้างการจ่ายเงินรูปแบบเดิม และ “คอมพิวเตอร์” ล้มล้างเครื่องพิมพ์ดีดไป

นี่คือ “นวัตกรรมเทคโนโลยี” ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลิตภัณฑ์เดิม จนอาจถึงขั้นทำให้ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ล้มหายตายจากลงไป แตกต่างจากนวัตกรรมโดยทั่วไป ที่อาจเป็นเพียงการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพของสินค้าหรือลดต้นทุนการผลิตแบบเดิมเพียงเท่านั้น..!?

Back to top button