ระวัง DELTA เสี่ยงสูง
ความเป็นหุ้นฮอตฮิตของ DELTA ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าโอกาสพุ่งชนระดับ 1,000 บาท มีความเป็นไปได้สูง
เส้นทางนักลงทุน
ภายหลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศเปลี่ยนแปลงหน่วยการซื้อขายหุ้น (Board Lot) ของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA จากเดิมหน่วยละ 100 หุ้น เป็น 50 หุ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เนื่องจากหลักทรัพย์มีราคาปิดตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือนติดต่อกัน
การซื้อขายด้วย Board Lot ใหม่ส่งผลให้หุ้นของ DELTA ในวันดังกล่าวบวกไป 20 บาท หรือบวก 2.11% มีมูลค่าซื้อขายรวม 4,034.30 ล้านบาท พุ่งขึ้น 4 เท่า จากปกติที่เทรดกันหลัก 1,000 ล้านบาท ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะจำนวนการส่งคำสั่งซื้อขายมีขนาดเล็กลง หุ้นจึงมีสภาพคล่องมากขึ้น การเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้น จากเดิมที่มีมากอยู่แล้วแต่มักจะเป็นรายใหญ่
สำหรับ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิค์ อิงก์ (Delta Electronics Inc) ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติไต้หวัน ซึ่งบริษัทแม่ไม่มีนโยบายจะแตกพาร์หุ้น DELTA ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
เหลืออีกเพียงไม่กี่บาท หุ้น DELTA จะแตะ 1,000 บาท ซึ่งโอกาสที่จะวิ่งขึ้นไปชนเป้าหมายดังกล่าวมีสูงมาก หลังเปลี่ยนหน่วยการซื้อขายเป็น Board lot ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดความเสี่ยงมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
คำถามคือ แม้พื้นฐานของหุ้น DELTA จะดี แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันแพงเกินไปหรือไม่ ??? จากขณะนี้ (ณ 7 กุมภาพันธ์ 2566) มีค่า P/E 91.32 เท่า ซึ่งถือว่ามาก โดยมี P/BV 23.51 เท่า ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) นับเป็นเบอร์ 1 ของตลาดหุ้นไทยที่ 1,209,960.17 ล้านบาท เฉพาะวันที่ 7 กุมภาพันธ์ มาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 24,947.6 ล้านบาท โดยมีการไล่ราคาขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 996 บาท ก่อนจะโดนแรงขายทำกำไรกดราคาย่อลงปิดที่ 970 บาท เป็นการเบียดแบบปาดหน้าแชมป์เก่า คือหุ้นของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่มีมาร์เก็ตแคป 1,049,998.95 ล้านบาท เลยทีเดียว
โบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายหุ้น DELTA ในปี 2566 เฉลี่ยที่ 595.30 บาท สูงสุด 710 บาท ต่ำสุด 434 บาท ขณะที่ราคาในกระดานยืนเหนือ 900 บาท หากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 16.87% ส่วนในรอบ 1 ปี คือปี 2565 ที่ผ่านมา พุ่งไป 101.46%
“อภิชาติ ภู่บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ในส่วนของทิสโก้ให้ราคาตามมูลค่าพื้นฐานประมาณ 550 บาท ณ ปัจจุบันถือว่าราคาหุ้นเกินพื้นฐานไปมากแล้ว จึงต้องระมัดระวังการลงทุน แม้ในด้านของพื้นฐานจะดี แต่ราคาหุ้นแพงเกินไป
การปรับ Board lot ในการซื้อขาย จาก 100 หุ้น เป็น 50 หุ้น ทำให้นักลงทุนใช้เงินน้อยลงในการซื้อหุ้น โดยเฉพาะรายย่อยที่จะเข้าถึงได้ง่าย เพราะใช้เงินไม่สูง แต่นั่นไม่ได้มีผลในเชิงปัจจัยพื้นฐาน
ขณะที่ “มงคล พ่วงเภตรา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เห็นว่าราคาสูงสุดที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาในกระดานปัจจุบันมาก
หากมองในด้านพื้นฐานทางธุรกิจของ DELTA ถือว่าแข็งแกร่งมาก และมีแนวโน้มในการเติบโต โดย 3 ปีย้อนหลัง รายได้รวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 51,838.37 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มเป็น 63,826.88 ล้านบาท ในปี 2563 และเพิ่มเป็น 84,814.62 ล้านบาท ในปี 2564 ส่วน 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวมเกือบเท่ากับทั้งปีก่อนแล้วที่ 84,712.65 ล้านบาท
กำไรสุทธิของ DELTA โดดเด่น กระโดดจาก 2,959.96 ล้านบาท ในปี 2562 เป็น 7,101.64 ล้านบาท ในปี 2563 และ 6,699.01 ล้านบาทท ในปี 2564 ส่วน 9 เดือนแรกปีที่ผ่านมา มีกำไรเต็มกระเป๋าแล้ว 11,153.59 ล้านบาท
DELTA ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ พัดลมอิเล็กทรอนิกส์ (DC Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์ มีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ รวมทั้งยังขยายเข้าไปในธุรกิจที่เป็นเทรนด์แห่งอนาคต คืออีวี นักลงทุนจึงมีมุมมองต่อหุ้นตัวนี้แตกต่างกัน เช่น การพิจารณาจากค่า P/E บางคนอาจมองถูก บางคนอาจมองแพง
ด้าน “กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่าราคาหุ้น DELTA เหนือระดับ 900 บาท เกินพื้นฐานไปพอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย Consensus ที่ให้อยู่ประมาณ 530 บาท
แม้ตอนนี้ราคาหุ้น DELTA จะย่อตัวลงมาบ้างเล็กน้อย แต่ความเป็นหุ้นฮอตฮิตของ DELTA ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าโอกาสพุ่งชนระดับ 1,000 บาท มีความเป็นไปได้สูง
ยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหน่วยการซื้อขายหุ้น DELTA จาก 100 หุ้น เหลือ 50 หุ้น เพื่อเปิดทางให้นักลงทุนรายย่อยซื้อขายได้สะดวกขึ้น ก็เป็นการเปิดความเสี่ยงของนักลงทุนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะที่ราคาซื้อขายหุ้นบนกระดานเกินพื้นฐานไปมาก การเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวนี้จึงต้องระมัดระวัง