พาราสาวะถี

การเมืองที่แท้จริงถ้าเล่นตามเสียงกองเชียร์ก็จะไปเข้าทางกองแช่ง การแย่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรผ่านสื่อของสองพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล


การเมืองที่แท้จริงถ้าเล่นตามเสียงกองเชียร์ก็จะไปเข้าทางกองแช่ง การแย่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรผ่านสื่อของสองพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ก้าวไกลกับเพื่อไทยนั้น สร้างความอิดหนาระอาใจให้กับฝ่ายถือหางเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันมันช่วยทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองดูด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ความระหองระแหงกันเช่นนี้ หากไม่มีใครยอมใคร ท้ายที่สุดมันก็จะเข้าทางของฝ่ายรอส้มหล่นเป็นการเตะหมูเข้าปากหมาไปเสียฉิบ

ความจริงพอจะเข้าใจได้ หากอ้างถึงมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองที่ผ่านมา ยกเว้นหลังเลือกตั้งปี 2562 พรรคชนะเลือกตั้งจะได้ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานสภาฯ ที่จะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาด้วยไปโดยปริยาย สำหรับหนนี้มีคนสงสัยว่าทำไมหัวเด็ดตีนขาดเพื่อไทยจึงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น ไม่ได้มีแค่ประเด็นว่าคนของก้าวไกลยังใหม่เกรงจะคุมเกมในสภาไม่ได้ พรรคร่วมตั้งรัฐบาลส่วนใหญ่มองเห็นไปในแนวทางเดียวกันกับเพื่อไทยเพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดเท่านั้น

เหตุที่ต้องขอสงวนเก้าอี้ประธานสภาฯ ไว้ให้กับคนของเพื่อไทย ก็เพราะเกรงกันว่าหากคนของก้าวไกลเป็นประธานสภาฯ แล้ว จะมีการผลักดันกฎหมายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขมาตรา 112 เข้าสู่ที่ประชุมโดยไม่สนใจว่าจะมีเสียงทักท้วงจากพรรคร่วมหรือไม่ เพราะเหล่านี้คือนโยบายสำคัญของพรรคที่ได้ไปหาเสียงตกปากรับคำไว้กับประชาชน ดังนั้น จึงต้องทำเร็ว แต่ในมุมของนักเลือกตั้งอาชีพเห็นว่าเรื่องร้อนและอ่อนไหว ต้องวางไว้ลำดับท้าย ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบทำ เนื่องจากจะกระทบเสถียรภาพรัฐบาลอย่างรุนแรง

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องที่จู่ ๆ จะมีคนของเพื่อไทยออกมาเรียกร้องเก้าอี้ตรงนี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ปมที่ว่าจะล็อกเก้าอี้ประธานสภาฯ เพื่อหวังผลต่อการเลือกนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภาถือเป็นกระพี้ รู้กันดีอยู่แล้ว การเลือกกรณีนี้จะต้องมี ส.ส.หรือ ส.ว.เป็นผู้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งตรงนี้เมื่อพรรคร่วมตั้งรัฐบาลตกลงกันเรียบร้อยแล้วย่อมไม่มีปัญหา ส่วนฝ่ายตรงข้ามจะเสนอชื่อแข่งก็เป็นวิถีปกติ

นั่นจึงทำให้แกนนำของพรรคร่วมระดับรองลงไปหลายรายแสดงความอึดอัดต่อท่วงทำนองนี้ของพรรคก้าวไกล ด้วยมองเห็นว่าเรื่องที่ไปเจรจากันในที่ลับไม่ควรจะนำมาเปิดเผยหรือทะเลาะกันในที่แจ้ง ปัจจัยหลักคือ หากต้องการเดินไปสู่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือเก้าอี้นายกฯ ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะสละเก้าอี้ประมุขในฝ่ายนิติบัญญัติไป เพื่อให้สองกลไกได้ทำงานถ่วงดุลกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ถูกครหาว่า สมรู้ร่วมคิดและใช้เป็นเครื่องมือในการเดินเกมในสิ่งที่พรรคแกนนำรัฐบาลต้องการ

ความจริงของการเมืองว่าด้วยการบริหารอำนาจหากอยากมีอำนาจในฝ่ายบริหารคือ ต้องรู้จักประนีประนอม ไม่ใช่ต้องได้ทั้งหมด แล้วเรียกร้องให้อีกฝ่ายเสียสละ หรือหากจะบอกว่าเพื่อไทยได้เก้าอี้ในกระทรวงเกรดเอไปแทบทั้งหมดแล้ว ยังจะมาเอาเก้าอี้ประธานสภาฯ อีกได้อย่างไร ก็เปิดเผยกับสาธารณชนเสียให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งคงเป็นเช่นนั้นไม่ได้ อย่าลืมว่าแม้จะเป็นสองพรรคที่มีคะแนนเสียงมากกว่าพรรคร่วมอื่น แต่อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติกันว่าการจัดสรรเก้าอี้เสนาบดีนั้น ได้ให้ความสำคัญกับพรรคร่วมที่เหลือขนาดไหน

จะว่าไปรายชื่อบุคคลและกระทรวงที่แต่ละพรรคจะได้ครอบครองนั้น ก็ไม่ได้เหนือไปจากที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ เพื่อไทยจะได้คุมกระทรวงหลักที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ โดยที่ก้าวไกลจะไปดูแลกระทรวงด้านสังคมและการศึกษา แต่ขอสงวนเก้าอี้ว่าการกระทรวงการคลังไว้ให้กับคนของตัวเองเท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับพรรคที่มีเสียง ส.ส.ต่างกันเพียงแค่ 10 ที่นั่ง การจัดสรรปันส่วนจึงต้องพิจารณาจากเป้าหมายของพรรค และความถนัดของบุคลากรที่มีเพื่อช่วยกันนำพารัฐบาลให้ผลิตผลงานให้เห็นผลโดยเร็ว

ส่วนพรรคร่วมอื่นอย่างพรรคประชาชาติของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา การได้ตำแหน่งรองนายกฯ หรือเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว เช่นเดียวกับพรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ การมีตำแหน่งรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หรือกระทรวงขนาดเล็กก็เหมาะสมกับจำนวน ส.ส.ที่ได้มา จึงอยู่ที่ว่าจะมีการจัดวางลำดับความสำคัญของการเคลื่อนงานเพื่อให้ถูกใจเสียงของประชาชนที่เลือกมาเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไร

มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือ การเดินทางไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ของ แพทองธาร ชินวัตร ที่ใช้เวลาแค่สองวันทั้งที่เจ้าตัวประกาศว่าคิดถึงอย่างหนัก หากใช้เหตุผลลูกยังเล็กต้องรีบกลับก็รับฟังได้ แต่ในมิติทางการเมืองคงไม่ได้คิดกันเช่นนั้น การเรียกลูกสาวคนเล็กที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และปรากฎชื่อเป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้วยนั้นย่อมไม่ใช่แค่การได้พบปะให้หายคิดถึงเท่านั้น มันต้องมีอะไรที่มากไปกว่านั้น

คงไม่มีใครประกาศว่าไปพบเพื่อกำหนดท่าที และการเดินเกมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพราะจะเข้าข่ายการครอบงำ แต่บรรดาคุณแหล่งข่าวทั้งหลายก็จะทำงาน อ้างว่าการเดินทางไปสิงคโปร์เที่ยวนี้ของอุ๊งอิ๊งเพราะรับสารมาส่งต่อระดับนำของพรรคนายใหญ่จะขับเคลื่อนกันอย่างไร ภายใต้บริบทที่ด้านหนึ่งต้องเดินตามแนวทางเอาใจมวลชนด้วยการหนุนหลังให้พิธาขึ้นเป็นนายกฯ ให้สำเร็จ อีกด้านก็ต้องวางทางถอยกรณีที่ตกลงเรื่องสำคัญกันไม่ได้จำเป็นต้องพลิกขั้วแม้จะโดนประณามก็ตาม

ตรงนี้มีการประเมินกันภายในพรรคเพื่อไทยถึงกระแสของประชาชนที่สนับสนุนว่า แท้จริงแล้วต้องการให้จับมือกับก้าวไกลเดินหน้าตั้งรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตยให้สำเร็จตามความคาดหวัง หรือความจริงอยากให้พรรคเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลโดยไม่สนใจว่าจะจับมือกับใคร ยกเว้นรวมไทยสร้างชาติของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ขณะเดียวกันก็ประเมินท่าทีของพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลด้วยว่าสิ่งที่ทางพรรคเรียกร้องไปโดยเฉพาะเก้าอี้ประธานสภาฯ ยังจะมีการยืนกระต่ายขาเดียวอยู่หรือไม่ อะไรที่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ในทางการเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

Back to top button