ติดหล่มการเมืองทายท้าวิชามาร

โฆษกรัฐบาลแถลงเมื่อวันเสาร์ เร่งรัดหน่วยงานให้จูงใจบริษัทต่างชาติมาตั้งสำนักงานใหญ่ ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมากมาย น่าชื่นชมรัฐบาลขยันกระตุ้นการลงทุน ออกมาตรการ Tax Holidays จนแทบจำไม่ได้ ก้าวหน้ากระทั่งให้เช่าแผ่นดิน 99 ปี ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง มีหวังโดนถล่มยับ อ้าว ก็ไหนว่าประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร


ใบตองแห้ง

 

โฆษกรัฐบาลแถลงเมื่อวันเสาร์ เร่งรัดหน่วยงานให้จูงใจบริษัทต่างชาติมาตั้งสำนักงานใหญ่ ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมากมาย น่าชื่นชมรัฐบาลขยันกระตุ้นการลงทุน ออกมาตรการ Tax Holidays จนแทบจำไม่ได้ ก้าวหน้ากระทั่งให้เช่าแผ่นดิน 99 ปี ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง มีหวังโดนถล่มยับ อ้าว ก็ไหนว่าประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร

แต่นักลงทุนก็ไม่โง่ ไม่เพียงปัจจัยเศรษฐกิจโลก ไม่เพียงความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพแรงงาน การศึกษา ฯลฯ ลดน้อยถอยลง ข้อสำคัญการเมืองไทยยังอยู่ในโค้งอันตราย ไม่มีใครตอบได้ว่าจบอย่างไร

ถึงวันนี้ถ้ามีเดิมพัน ว่าการเมืองจะราบรื่นตามโรดแม็พไหม 6-4-6-4 เลือกตั้งเดือน ก.ค.ปี 60 หลายคนกล้าต่อ 100 เอา 1 ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ถ้าถามว่าจะพลิกผันอย่างไร ลงเอยท่าไหน ก็ไม่มีใครตอบได้ มืดแปดด้าน เพราะหลายปัจจัยเกินคาดการณ์

เอากันง่ายๆ ในขณะที่รัฐบาลชวนต่างชาติลงทุน ทางการเมืองกลับวิวาทะทูตอังกฤษทูตสหรัฐ ทั้งที่ไม่นานมานี้เพิ่งประโคมความสัมพันธ์อันดีหลังประชุมสหประชาชาติสัมผัสมือโอบามา

จะเชิญชวนต่างชาติมาตั้งสำนักงานใหญ่ เขาไม่ได้มองแค่สิทธิประโยชน์ทางภาษี เขาต้องมองบรรยากาศประชาธิปไตย เสรีภาพในการสื่อสารการใช้ชีวิต สิทธิมนุษยชน ซึ่งเมื่อก่อนประเทศไทยมีเหลือล้น แต่วันนี้ไม่แน่ใจ

ในทางเศรษฐกิจ ไม่ปฏิเสธหรอกรัฐบาลทุ่มเททำงานหนัก ยิ่งหลังปรับ ครม. ทีมสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกมาตรการกระตุ้นขวัญกำลังใจ รวมไปถึงเอาจริงปราบค้ามนุษย์ เรือประมงผิดกฎหมาย (แม้มีปัญหานายตำรวจลี้ภัย)

แต่ในทางการเมือง กลับไม่ไปด้วยกัน ความขัดแย้งแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกรณีอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งไม่ปรักปรำหรอกว่าทุจริตจริงไหม แต่วิธีจัดการคนต่อต้านนี่สิ ทำให้บานปลาย แทนที่จะมุ่งเคลียร์ข้อครหาให้กระจ่าง กลายเป็นนักศึกษาถูกคุมตัว กลายเป็นคนโพสต์ผังทุจริต ซึ่งแม้ผิดฐานหมิ่นประมาท กลับเจอข้อหาหนัก เป็นภัยความมั่นคง พ่วงกด like ข้อความ “ไม่เหมาะสม” ก็ผิด 112 กระทั่งอุ้มไปจากโรงพยาบาล

การใช้อำนาจครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งนะครับ ที่ผ่านมา ท่านอาจบอกว่าใช้เพื่อรักษาความสงบของสังคม แต่ครั้งนี้ใช้กับคนที่กล่าวหาท่าน

แน่ละ ไอ้พวกที่เย้วๆ อยู่นี่ไม่มีปัญญาสู้รบปรบมือกองทัพหรอก แต่ถ้ามองย้อนไป 22 พ.ค. 2557 คสช.เริ่มต้นด้วยคำประกาศว่า “เป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด” ปีครึ่งผ่านไป  โดยเฉพาะในปี 2558 ถามว่าท่านสามารถรักษาสถานภาพดังกล่าวได้ไหม

ถ้ารัฐประหารเข้ามายุติความขัดแย้งชั่วคราว หาทาง “ปรองดอง” แล้วจากไป ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ถ้าคณะรัฐประหารถลำเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ก็จะหาทางออกไม่ได้ เป็นใครก็ต้องกลัวว่าหมดอำนาจเมื่อไหร่กระแสจะตีกลับ จริงไหม

นี่ยังไม่นับการยกร่างรัฐธรรมนูญ “ทางลง” ของรัฐประหาร ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นทุกวัน มีแต่นักเทคนิคกฎหมายกลุ่มหนึ่งไปนั่งงึมงำ สภาปฏิรูปเป็นข่าวแต่ละครั้งก็เสนอความคิดหลุดโลก ชวนหัวร่องอหาย

ไว้รัฐธรรมนูญร่างแรกออกมาปลายเดือนม.ค.คงพอเห็น ว่าไปสู่ประชามติได้ไหม ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร การเมืองขัดแย้งหนักจะทำประชามติได้ไง หรือจะแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว หาทางออกใหม่ ฯลฯ

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คนที่คิดจะลงทุนขนาดใหญ่รอดูหลังสงกรานต์ยังไม่สาย ถึงตอนนั้นถ้ามองไม่เห็น ก็รอไปอีกๆๆๆ

Back to top button