PTG ปั้นพอร์ตนอนออยล์ดันกำไร!

PTG ตั้งเป้าจะผลักดันสัดส่วนกำไรของธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ภายในปี 2568 จากปีนี้คาดขยับขึ้นมาอยู่ที่ราว 25%


คุณค่าบริษัท

ในรอบปี 2566 หุ้นปั๊มน้ำมัน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ถูกกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายแทรกแซงจากภาครัฐ ค่าการตลาดที่ฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาด ทำให้ถูกมองว่าผลประกอบการในงวดปี 2566 จะออกมาไม่สู้ดี หลังจากในช่วง 9 เดือนแรก มีรายได้รวม 149,578.99 ล้านบาท กำไรสุทธิ 408.28 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่บางเฉียบแค่ 0.28% ขณะที่ Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 848 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปี 2565 ที่เคยทำได้ 934.08 ล้านบาท

สิ่งที่น่าสนใจ ถ้าสังเกตจะพบว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา PTG ปรับยุทธศาสตร์มาเดินเกมรุกหนักธุรกิจ Non-oil มากขึ้น จากเดิมที่มีแค่ธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อ Max Mart ศูนย์ซ่อมแซม Autobacs หรือร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร

แต่ปัจจุบันมีการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในธุรกิจการแพทย์ ผ่านบริษัท อรินแคร์ จำกัด (ARINCARE) สตาร์ตอัพผู้ให้บริการแพลตฟอร์มร้านขายยาออนไลน์สำหรับเภสัชกรและร้านขายยา, ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ผ่านบริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด (ไพศาล)

ล่าสุดเตรียมเข้าลงทุนในธุรกิจบริหารจัดการขยะและผลิตเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel : RDF) ผ่านบริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งแรกสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% คิดเป็นมูลค่าลงทุนไม่เกิน 103 ล้านบาท และในอนาคตจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก เพื่อถือหุ้นเพิ่มเป็นไม่เกิน 33.33% คิดเป็นมูลค่าลงทุนไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

ขณะที่ ในปีนี้เตรียมปิดดีลเข้าร่วมลงทุนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอีก 3 ดีล โดยวางงบลงทุนไว้ 100 ล้านบาทต่อดีล รวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมดีลใหม่ ๆ ที่จะตามมาในอนาคตอีก โดย PTG ตั้งเป้าจะผลักดันสัดส่วนกำไรของธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ภายในปี 2568 จากปีนี้คาดขยับขึ้นมาอยู่ที่ราว 25%

สำหรับปี 2567 ตั้งเป้าหมายธุรกิจ Oil โตตัวเลข 2 หลัก จากการขยายสาขาที่มากขึ้น ส่วนธุรกิจ Non-oil ยังเติบโตก้าวกระโดด โดยมีธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยเป็นตัวเร่ง โดยวางงบลงทุนไว้ 5,000-6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจ Non-oil ประมาณ 4,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจ Oil ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท

ด้านบล.ดาโอ ระบุว่า ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ของ PTG ไว้ที่ 815 ล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 4/2566 คาดฟื้นตัวเด่นจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาลและค่าการตลาดที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังได้ธุรกิจ Non-oil ซึ่งยังขยายสาขาอย่างต่อเนื่องช่วยหนุน

บล.ทรีนีตี้ คาดว่าแนวโน้มในไตรมาส 4/2566 ของ PTG จะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากช่วงไฮซีซันของฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้มีปริมาณขายน้ำมันที่ปรับดีขึ้น และการที่รัฐบาลปรับลดภาษีน่าจะช่วยให้ประชาชนกลับมาใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเมินว่าราคาน้ำมันน่าจะผันผวนไม่มากหลังจากที่สถานการณ์อิสราเอลเริ่มไม่ตึงเครียดเท่าช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้มีการปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลงเหลือ 600 ล้านบาท จากกำไรในไตรมาส 3/2566 ออกมาต่ำกว่าที่คาด แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2567  ที่ 1 พันล้านบาท

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 36.11 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.66 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาดหลายเท่า สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 1.77 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.33 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 10 บาท จากราคาต่ำสุด 7.50 บาท และราคาสูงสุด 12 บาท

Back to top button