ถูกแต่เจ็บ

หากถาม “โมนิก้า” ว่า ดัชนีลงมายืนที่ระดับ 1,332.08 จุด ลบไป 28.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.74 หมื่นล้าน เป็นระดับที่เหมาะต่อการลงทุนไหม?


หากถาม “โมนิก้า” ว่า ดัชนีลงมายืนที่ระดับ 1,332.08 จุด ลบไป 28.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.74 หมื่นล้านบาท เป็นระดับที่เหมาะต่อการลงทุนไหม? เดี๊ยนขอเรียนตามตรงว่า ไม่น่าลงทุน! เพราะปัญหาสงครามที่เกิดขึ้นระหว่าง “อิหร่าน” กับ “อิสราเอล” มีเค้าลางที่ส่อให้ลากยาว เดี๊ยนเลยกังวลว่า อาจมีการเปิดฉากยิงรอบใหม่ เพื่อตอบโต้อีกฝ่ายเป็นระลอก ซึ่งกดดันให้นักลงทุนต้องเร่งขายหุ้นออกมาอีกน่ะซี

ประกอบกับเมื่อเดี๊ยนเหลือบมองค่า PE ของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับ 17.80 เท่า และค่า PBV ก็ยังอยู่ในระดับ 1.30 เท่า โดยอัตราส่วนดังกล่าวนิยมใช้ประเมินความ “ถูกแพง” ในเบื้องต้น เสมือนเป็นการดูประวัติศาสตร์ในอดีต ก่อนจะประเมินมูลค่าที่เหมาะสมในอนาคตแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องไปพิจารณาดูอีกทีว่า บริเวณนี้เหมาะต่อการลงทุนขนาดไหนพะย่ะค่ะ

เนื่องจาก “วิธีคิด” และ “มุมมอง” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน “โมนิก้า” เลยไม่อยากจะชี้นำอะไรไปมากกว่านี้ เพราะเรื่องของการลงทุนมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และบางครั้งก็ไม่มีอะไรตายตัวเหมือนในตำรา (ก่อนหน้านี้ดาวโจนส์ทำนิวไฮ ทั้งที่ดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น มันคืออิหยัง) หรือแม้กระทั่งเรื่องเงินดิจิทัลที่ทำให้คนในประเทศเสียงแตกมากขึ้นเรื่อย ๆ พอถึงเวลาทำจริง ๆ จะทำได้หรือเปล่า? และจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไหม? รวมทั้งสร้างอิมแพคให้กับตลาดหุ้นขนาดไหน? ใครรู้ช่วยตอบที!

ในเมื่อหลายคนยังไม่รู้ว่า ตลาดหุ้นเดินหน้าอย่างไร? เดี๊ยนเลยขันอาสาเป็นหนังหน้าไฟเพื่อบอกข่าวสารให้แฟนคลับได้รู้ว่า กูรูหลายสำนักฟันธงดัชนีระดับนี้ถูกจริง ๆ สามารถซื้อหุ้นลงทุนระยะยาวได้ทันที แต่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการบันทึกขาดทุนทางบัญชี (ไม่ขายไม่ขาดทุน) “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นหาแนวทางลงทุนของตัวเองให้เจอเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะรู้ว่า “ถูกแต่เจ็บ” มันเป็นอย่างไร..อิอิอิ

ขนาดแบงก์ที่ทำธุรกิจแบบอนุรักษนิยมตัวพ่ออย่าง BBL ยังถูกกระหน่ำขายประหนึ่งแบงก์มีปัญหาในการปั๊มกำไร จนราคาหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ระดับ 138.50 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.68 พันล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องโอเวอร์รีแอคอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับเดี๊ยนคิดอย่างไร? เพราะมันขึ้นอยู่กับนักลงทุนกลุ่มสถาบันมองว่า ต้องขายหุ้นลดความเสี่ยงก็เท่านั้นเอง

เช่นเดียวกับในรายของลูกอ๊อด AOT ก็เห็นกันทนโท่ว่า ธุรกิจสายการบินกลับมาคึกคัก และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ทันทีที่มีข่าวสงครามเกิดขึ้น และมีประกาศปิดน่านฟ้าออกมาในเวลาไล่เรี่ยกัน ก็ส่งผลให้ราคาหุ้นห่อเหี่ยวลงมาทันที จนสุดท้ายหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 63 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.23 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 2 เดือนแบบนี้..น่าซื้อเก็บไหมล่ะตัวเอง

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้นยอดนิยมอย่าง DELTA เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่ออกมาเป็นจำนวนมาก ก็มาจากนักเล่นกลุ่มสถาบันทั้งนั้น ซึ่งเป็นภาพที่ตอกย้ำให้เห็นว่า สถานการณ์เปลี่ยน..อะไรก็เปลี่ยน และราคาหุ้นมีสิทธิ์ไหลลงไปกองที่โลว์เดิมบริเวณ 64 บาทค่อนข้างสูง เพราะการลงมายืนปิดที่ระดับ 69.25 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.58 พันล้านบาท อัดแน่นไปด้วยแรงขายล้วน ๆ น่ะซี

อีกรายที่สิ้นท่าด้วยความกังวลสงคราม และน่าจะโดนขายอีกพักใหญ่ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นเก็งกำไร XPG เป็นรายถัดมา หลังราคาหุ้นทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 1.04 บาท ลบไป 0.23 บาท หรือลงไป 18.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 581 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่า เจ้ามือก็เผ่นป่าราบเป็นเหมือนกัน เพราะมองไม่เห็นประโยชน์ของการทู่ซี้ถือหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ หลังนักลงทุนถอนสมอกันเป็นแถวไงล่ะคะ

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องเจ้ามือขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น QTCG กันอีกสักนิด เพราะยังมีเสียงนินทาเกี่ยวกับเจ้ามือหักหลังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ผนวกกับเหลือบไปเห็นราคาหุ้นยังทำ all time low ทุกวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 0.74 บาท ลบไป 0.09 บาท หรือลงไป 10.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21 ล้านบาทแบบนี้..มันเป็นการบอกให้รู้ว่า ไม่กล้ารับของร้อน แถมภาวะตลาดหุ้นก็ไม่ดี เลยมองไม่เห็นจุดกลับตัวของหุ้นก็เท่านั้นเองจ้า!

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button