ลมเปลี่ยนทิศ…การเมืองยังคลุมเครือ!

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ก็พยายามตั้งลำขึ้นมาได้บ้าง ดัชนีปิดที่ระดับ 1,139.16 จุด บวกไป 3.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.93 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะบรรยากาศการเจรจาการค้าระหว่าง “จีน–สหรัฐฯ” ที่ดูจะคลี่คลายลงเล็กน้อย หลังสหรัฐฯ แสดงท่าทีพร้อมผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป หากจีนยอมลดเงื่อนไขการส่งออกแร่หายากทันทีเพคะ 

งานนี้ “โมนิก้า” มองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่หนุนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องจากความหวังผลเจรจาการค้าระหว่างจีน–สหรัฐฯ จะออกมาดี แต่ปัจจัยในประเทศยังฉุดตลาด โดยเฉพาะเรื่องการเมือง รวมถึงกระแสปรับ ครม. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน เดี๊ยนว่า…ต้องรอลุ้นรอบใหม่หลังคลื่นข่าวภายในเริ่มสงบเจ้าค่ะ

ดังเช่นรายของ KTB ที่เริ่มส่งสัญญาณน่าสนใจอีกครั้ง “โมนิก้า” มองว่าอาจเป็นจังหวะทยอยเก็บรอบใหม่ได้ ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ระดับ 22.30 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.30 พันล้านบาท ผนวกกับราคาหุ้นยังต่ำกว่าบุ๊กแวลูที่ 32.28 บาท อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อมองในเชิงมูลค่าพื้นฐาน ค่า P/E อยู่ที่ 6.95 เท่า ส่วนค่า P/BV แค่ 0.68 เท่า เท่านั้นเอง…ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถูกมาก ๆ แบบนี้เรียกได้ว่า “ของดีราคาถูก” ยังพอหาได้ในตลาดนะเจ้าคะ

เหมือนกับรายของ DOD ที่กลับมาสร้างสีสันอีกครั้งจากการวางกลยุทธ์เพิ่มกำลังการผลิตและควบคุมต้นทุนได้อย่างอยู่หมัด ส่งผลให้ทุกอย่างดูดีขึ้นแบบ “ซาบซ่า” จริง ๆ ขณะที่ผู้บริหารก็ออกมาประกาศตั้งเป้ารายได้ปีนี้ราว 800 ล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน งานนี้นักลงทุนก็เริ่มเข้ามาเก็งกำไรเป็นระยะ ๆ หนุนให้ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 2 บาท บวกไป 0.23 บาท หรือขึ้นไป 12.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29 ล้านบาท เดี้ยนประเมินว่าถ้ายังรักษาโมเมนตัมแบบนี้ไว้ได้ คงได้เห็นราคาหุ้นกลับไปทดสอบแนวต้านแถว ๆ 2.14–2.28 บาท ได้ไม่ยากเพคะ

ขณะที่รายของ SCGP ไม่รีรอเมื่อเดินหน้าเข้าถือหุ้น “Duy Tan JSC” ครบ 100% เสร็จสิ้นเรียบร้อย เป็นการขยายอาณาจักรธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรในอาเซียนแบบเต็มสูบ งานนี้นักลงทุนก็ไม่รอช้าเช่นกัน ราคาหุ้นตอบรับข่าวดีวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 16.20 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 121 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้นอกจากจะเสริมแกร่งทางธุรกิจแล้ว ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำในภูมิภาคได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย…แบบนี้อนาคตไกลเจ้าค่ะ

ส่วนในรายของ IVL ราคาหุ้นมีการขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 20.30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.53% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 331 ล้านบาท ส่วนปัจจัยพื้นฐานนั้น “โมนิก้า” มองว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวกชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/68 เป็นต้นไป เพราะผลิตภัณฑ์หลักอย่างสาย PET เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ขณะที่แรงกดดันจาก supply ใหม่ในตลาดโลกก็ไม่มากเท่าปีก่อน แถมสงครามการค้ายังดูเบาลงอีกด้วย แบบนี้ ราคาหุ้นจะมีแรงขับดันพอให้ขึ้นไปทดสอบแนวต้านแถว 22 บาท ได้อีกครั้งเจ้าค่ะ

ปิดท้ายกันที่รายของ CCET ที่ยังคงฮอตต่อเนื่อง ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ระดับ 5.25 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 327 ล้านบาท ขานรับปัจจัยบวกจากการที่ 2 ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท เดินหน้าแผนปรับฐานการผลิตไปยังโรงงานใหม่อย่างจริงจัง ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมแกร่งด้านกำลังการผลิตแล้ว ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการเติบโตของรายได้ในระยะยาวอีกด้วย “โมนิก้า” บอกเลยว่าเทรนด์แบบนี้น่าจับตา ราคาหุ้นยังมีโอกาสไปต่อเจ้าค่ะ

โมนิก้าและทีมงาน