
TIDLOR กำไรเติบโต คุณภาพสินทรัพย์ดี
TIDLOR โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 1. สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์, รถบรรทุก, pick-up, มอเตอร์ไซค์, ที่ดิน และอื่น ๆ 91.78%
คุณค่าบริษัท
บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 1. สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์, รถบรรทุก, pick-up, มอเตอร์ไซค์, ที่ดิน และอื่น ๆ 91.78% 2. สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง 8.22% โครงสร้างรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 1. รายได้ดอกเบี้ย 82.6% 2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 17.2% 3. รายได้อื่น ๆ 0.2%
TIDLOR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.32% จากไตรมาส 1/2567 และเพิ่มขึ้น 16.62% จากไตรมาส 4/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 1,044.46 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 1 ดีกว่าที่ บล.หยวนต้า และตลาดคาดการณ์ 8% โดยปัจจัยหลักมาจาก 1. การตั้งสำรองที่แม้เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 4/2567 จากการตัดหนี้สูญ (Write-Off) ลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกบางส่วนออกไป แต่ถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังแข็งแรง โดยมีลูกหนี้ Stage 2 และ Stage 3 (NPL) ที่ 17.5% และ 1.8% ตามลำดับ ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2567 ขณะที่ Coverage Ratio ยังสูงที่ 255.7% และ 2. รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง 8.6% จากไตรมาส 4/2567 จากปัจจัยฤดูกาล แต่ยังสูงกว่าที่ บล.หยวนต้าคาด 8.4% สะท้อนว่า TIDLOR สามารถขยายฐานลูกค้าประกันได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ ลดลง 0.5% จากไตรมาส 4/2567 หลังจากสินเชื่อโตได้เพียง 0.8% จากไตรมาส 1/2567 ตามนโยบายระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ และอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลงเหลือ 15.4% จาก 15.7% ในไตรมาส 4/2567 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานใกล้เคียงกับที่คาด โดยลดลง 12.8% จากไตรมาส 4/2567 หลังจากค่าใช้จ่ายพนักงาน, ลงทุนระบบ และค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างธุรกิจที่ลดลง ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (CIR) กลับมาสู่ระดับ 54.2% จาก 60.9% ในไตรมาส 4/2567
ผู้บริหาร TIDLOR คาดว่าสินเชื่อปี 2568 จะเติบโตประมาณ 10% ขณะที่เบี้ยประกันมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าสินเชื่อในปี 2568 TIDLOR พบว่ามีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา และเน้นไปที่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าสินเชื่อเช่าซื้อ TIDLOR คาดว่า NIM จะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3/2568 ก่อนที่จะค่อย ๆ ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 สำหรับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตล่าสุดจาก A เป็น A+ ในเดือน พ.ค. หุ้นกู้อายุ 2 ปี และ 3 ปีของ TIDLOR มีอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (coupon rate) ที่ 2.37% และ 2.6% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนหุ้นกู้เดิม 0.60-0.70%
แม้ว่าโครงการแจกเงินสดของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในช่วงต้นปี 2568 แต่ผู้บริหารระบุว่าการจัดเก็บหนี้ยังคงแข็งแกร่งนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าการก่อ NPL ใหม่และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) จะต่ำกว่า 3% ในปี 2568 เทียบกับ 3.4% ในปี 2567
ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ TIDLOR ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2568 ที่ 20,858.20 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 4,784.11 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 18.97 บาท จาก 8 โบรกเกอร์
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ TIDLOR ลดลง 1% ในปี 2568 มาที่ 4,828 ล้านบาท และ 2% ในปี 2569 มาที่ 5,197 ล้านบาท โดยปัจจุบันคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 14% ในปี 2568 (ได้แรงหนุนจาก credit cost ที่ลดลง และสินเชื่อเติบโตปานกลาง) และ 8% ในปี 2569 (สินเชื่อเติบโตปานกลาง และ NIM ดีขึ้น) และคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ของ TIDLOR จะเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาส 1/2568 และ 15% จากไตรมาส 2/2567 มาที่ 1.25 พันล้านบาท ได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตเร่งตัวขึ้นตามฤดูกาล, NIM ที่ดีขึ้น และ credit cost ที่ลดลง
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TIDLOR ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 15 ก.ค. 2568 ที่ 17.40 บาท) เทรดที่ P/E 10.55 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ที่ 17.68 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TIDLOR อยู่ที่ 1.49 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ที่ 1.07 เท่า