
ดอกเบี้ยขาลง
เมื่อวานนี้ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% โดยอ้างถึงการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย
เมื่อวานนี้ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% โดยอ้างถึงการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยลูกค้าทุกกลุ่มเร่งปรับตัวภายใต้ข้อจำกัด จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไข ลดภาระทางการเงินของประชาชน
โดยเฉพาะครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ผู้ประกอบอาชีพอิสระและ SME ประคองธุรกิจและลูกค้า ประชาชนให้เดิน หน้าต่อไปได้ การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ สอดคล้องกับการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
-อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน เป็น 6.620 %
-อัตราดอกเบี้ยเงินลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบ MLR ปรับลดลงจากปัจจุบัน เป็น 6.500 % ต่อปี
–อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน เป็น 7.045 % ต่อปี
โดยมีผลวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่เปลี่ยนแปลง
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกรุงไทยทำให้ธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงด้วย สะท้อนให้เห็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงที่ชัดเจน จะส่งผลต่อรายได้และกำไรที่ลดลงของธนาคารพาณิชย์ในขณะที่การเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพราะธนาคารจะต้องควบคุมไม่ให้เอ็นพีแอลสูง
ภาวะดอกเบี้ยขาลงเป็นแรงกดดันให้ภาคธุรกิจที่เป็น SME ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาแหล่งเงินกู้เพื่อมาต่อยอดธุรกิจ เพราะตระหนักว่าธนาคารพาณิชย์นั้นถูกกระแสกดดันให้คุมคุณภาพของสินเชื่อ เพราะในปัจจุบันนี้นโยบายการอนุมัติสินเชื่อถูกรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลางไม่สามารถใช้เส้นสายหรือความสัมพันธ์บุคคลได้อีกต่อไป
ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลงนอกจากส่งผลโดยตรงถึงภาคธนาคารแล้ว ยังจะส่งผลให้มีทุนเก็งกำไรไหลออกจากประเทศไปหาประโยชน์จากตลาดที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าไทยซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวังให้มาก
ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยขาลง จึงส่งผลกระทบไปยังภาคตลาดและทุนอื่น ๆ โดยปริยาย..