
หุ้นได้-เสียประโยชน์เงินบาทแข็งค่า
ประเทศไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวโดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำหน้าที่ดูแลค่าเงินให้อยู่ในกรอบที่เหมาะกับเศรษฐกิจไทย
เส้นทางนักลงทุน
ประเทศไทยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวโดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำหน้าที่ดูแลค่าเงินให้อยู่ในกรอบที่เหมาะกับเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินสกุลต่าง ๆ คือ อุปสงค์และอุปทานของเงินตราสกุลนั้น ๆ
รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ เช่น พื้นฐานทางเศรษฐกิจ, เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศนั้น รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศหลักของโลก ตลอดจนนโยบายการค้าระหว่างประเทศ การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์
ณ ปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก มาอยู่บริเวณ 31 บาทกว่า ๆ โดยแข็งค่าที่สุดในรอบกว่า 4 ปี หลังจากเคยอ่อนค่าแตะ 38 บาทในช่วงปลายปี 2565
การที่เงินบาทแข็งค่าจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อผู้ประกอบธุรกิจ โดยหากมองในแง่ผลดีนั้น การแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการที่มีต้นทุนเงินสกุลต่างประเทศสูง เช่น กลุ่มสายการบิน กลุ่มพลังงานและโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มที่มีการกู้ยืมเงินตราสกุลต่างประเทศจำนวนมาก
ส่วนผลเสียนั้น คือ ผู้ประกอบการกลุ่มที่มีรายได้หลักจากการส่งออก เพราะจะทำให้รายได้ที่รับมาเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศมีมูลค่าลดลงเมื่อแลกเป็นเงินในประเทศ เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มการท่องเที่ยว (เฉพาะที่รับเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ) เพราะจะสามารถแลกเป็นเงินในประเทศได้ลดลง
ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบันเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นแล้วประมาณ 7% เมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จากการที่ผู้ร่วมตลาดคาดการณ์ว่าการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มจะผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่เงินบาทได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังอยู่ในโซนแข็งค่าเพราะเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าสู่ประเทศไทย โดยไหลเข้าซื้อตราสารหนี้ไทยมูลค่าสูงกว่า 70,000 ล้านบาทตั้งแต่ต้นปี 2568 ซึ่งในระยะถัดไปเมื่อการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น น่าจะยิ่งหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น
วันนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้รวบรวมกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ซึ่งค่ายบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คัดมาให้แล้ว ดังตาราง