
การลงทุน AI บนความเสี่ยงจุดคุ้มทุน
บรรดาบริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อย่างเช่น OpenAI มีการเปิดเผยแผนการใช้จ่ายหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐกับศูนย์ข้อมูล (data centers)
บรรดาบริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อย่างเช่น OpenAI มีการเปิดเผยแผนการใช้จ่ายหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐกับศูนย์ข้อมูล (data centers) แต่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะสร้างรายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างไร ปัจจุบันบริษัทที่ปรึกษา Bain & Co. ประเมินว่า รายได้ที่ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายนี้อาจสูงกว่าที่คาดการณ์อย่างมาก.!
โดย Bain ระบุผ่านรายงานเทคโนโลยีระดับโลกประจำปีว่า ภายในปี 2573 บริษัท AI ทั้งหลายต้องมีรายได้รวมต่อปีรวมกัน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นทุนในการประมวลผลที่จำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม Bain คาดการณ์ว่ารายได้น่าจะต่ำกว่าเป้าหมายดังกล่าวถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากความพยายามในการสร้างรายได้จากบริการอย่าง ChatGPT ต่ำกว่างบประมาณรายจ่ายสำหรับศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
นั่นทำให้เกิดคำถามต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าและรูปแบบธุรกิจของอุตสาหกรรม AI ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบริการต่าง ๆ เช่น ChatGPT ของ OpenAI และ Gemini ของ Google รวมถึงความพยายามทั้งหลายในด้าน AI ของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ส่งผลให้อุปสงค์ของความสามารถในการประมวลผล และพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การประหยัดรายจ่ายที่ได้จาก AI และความสามารถในการสร้างรายได้เพิ่มของบริษัทต่าง ๆ จาก AI นั้นยังคงตามหลังอยู่
David Crawford ประธานฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลกของ Bain ระบุชัดว่า“หากกฎหมายการปรับขนาดปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้ AI จะสร้างความตึงเครียดให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ”
ทั้งนี้ OpenAI กำลังขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เหตุว่าให้ความสำคัญกับการเติบโตมากกว่าผลกำไร แต่มีรายงานว่า OpenAI คาดหวังว่าจะมีกระแสเงินสดเป็นบวกภายในปี 2572 ทว่า Bain ยังไม่ได้ระบุถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท AI ทั้งหลายหากว่ายังคงไม่สามารถทำกำไรได้จนถึงปี 2573
บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ทั้ง Microsoft Corp., Amazon.com Inc. และ Meta Platforms Inc. จะเร่งเพิ่มงบใช้จ่ายด้าน AI ประจำปีรวมกันเป็นจำนวนมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในต้นทศวรรษหน้า ตามรายงานจากบลูมเบิร์ก อินทิลิเจนท์ (Bloomberg Intelligence) ระบุว่า การเปิดตัวโมเดลใหม่จาก OpenAI และ DeepSeek ของจีน รวมถึงบริษัทอื่น ๆ กำลังกระตุ้นอุปสงค์ของการบริการด้าน AI และผลักดันให้อุตสาหกรรมทั้งหมดต้องเร่งเพิ่มการลงทุน
ขณะที่รายงานของ Bain ระบุว่า ความต้องการการประมวลผล AI ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกอาจพุ่งสูงถึง 200 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 โดยสหรัฐอเมริกาคิดเป็นครึ่งหนึ่งของความต้องการทั้งหมด แม้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหรืออัลกอริทึมต่าง ๆ อาจช่วยลดภาระได้ แต่ข้อจำกัดของห่วงโซ่อุปทาน หรือแหล่งจ่ายไฟฟ้าที่ไม่เพียงพออาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าดังกล่าว
อย่างไรก็ดีนอกเหนือจากการใช้จ่ายด้านความสามารถในการประมวลผลแล้ว บริษัท AI ชั้นนำทั้งหลาย กำลังลงทุนมหาศาลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเอเจนต์ AI แบบอัตโนมัติ ที่สามารถทำงานหลายขั้นตอนได้เหมือนมนุษย์ ด้วยการให้คำ แนะนำเพียงจำกัด เป็นหนึ่งในสาขาที่บริษัททั้งหลายมุ่งเน้น Bain ประเมินว่า ช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทต่าง ๆ จะจัดสรรงบประมาณด้านเทคโนโลยีมากถึง 10% เพื่อสร้างขีดความสามารถหลักของ AI รวมถึงแพลตฟอร์มเอเจนต์ต่าง ๆ
ที่สำคัญ Bain ระบุว่า บริษัทคาดการณ์การเติบโตด้านต่าง ๆ เช่น การประมวลผลแบบควอนตัม และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ อาจปลดล็อกมูลค่าตลาดสูงถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเงิน, ยา, โลจิสติกส์ และด้านวัสดุศาสตร์
การลงทุนหาศาลด้าน AI กลายเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามกันว่าสุดท้ายจะคุ้มทุนหรือไม่..!??