
พาราสาวะถี
ประชุมรัฐสภาถกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 3 พรรคภูมิใจไทย ประชาชน และเพื่อไทย ไม่ต้องคาดเดาว่าจะใช้ร่างของพรรคไหนเป็นหลัก
*ประชุมรัฐสภาถกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 3 พรรคภูมิใจไทย ประชาชน และเพื่อไทย ไม่ต้องคาดเดาว่าจะใช้ร่างของพรรคไหนเป็นหลัก ดูทิศทางของฝ่ายกุมอำนาจ บวกกับความเป็น สว.สีน้ำเงิน ไม่มีวันที่ร่างของพรรคสีส้มจะได้รับการผลักดัน เนื่องจากไปแตะหมวด 1 และ 2 ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ยอมอย่างแน่นอน เช่นเดียวกัน พรรคการเมืองส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย ดังนั้น จึงอยู่ที่ว่า จะหาทางลงอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดทางตันก่อนที่จะผลักดันกันให้สำเร็จได้
*พิจารณาจากท่วงทำนองของพรรคสีน้ำเงินหลังการกุมอำนาจได้แล้ว พลังดูดยังคงเดินหน้าไม่หยุดหย่อน ล่าสุด เห็นการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดและอธิบดีของกระทรวงมหาดไทยล็อตใหญ่ 45 ตำแหน่ง แสดงอิทธิฤทธิ์กันแบบไม่ต้องเหนียม ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังแทนพรรคสีส้ม เผลอๆ ยุบสภาไม่ต้องรอให้ถึง 31 มกราคมปีหน้า อาจจะชิงความได้เปรียบถ้าวัดกระแสแล้วความนิยมดีวันดีขึ้น ก็จะอ้างเหตุคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อหวังจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพมาบริหารบ้านเมืองให้เร็วขึ้น
*ความหวังแก้รัฐธรรมนูญจะค้างเติ่ง ค่อยกลับมาว่ากันใหม่หลังเลือกตั้ง มากไปกว่านั้น หากพรรคสีน้ำเงินสามารถเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เท่ากับเป็นการปิดเกมเรื่องนี้ไปโดยปริยาย ด้วยเหตุผลข้ออ้างสารพัด เพราะเมื่อมีการยุบสภาเท่ากับว่า ข้อตกลงหรือเอ็มโอเอที่เคยทำกันไว้กับพรรคสีส้มเป็นอันจบไป ทุกอย่างต้องตั้งต้นกันใหม่ ถึงนาทีนั้นไม่รู้ว่า สภาพของพรรคประชาชนจะเป็นอย่างไร ขณะที่เพื่อไทยอยู่ในจังหวะของการปรับเปลี่ยนไม่น่าจะแข็งแรงเหมือนที่ผ่านมา
*ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงไม่แก้รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการสืบทอดอำนาจ เห็นกันอยู่ใครได้ประโยชน์จากมรดกปลายกระบอกปืน พรรคสีน้ำเงิน และลิ่วล้อ สว.ทั้งหลายไม่ใช่หรือ แล้วจะไปแก้ให้โง่ทำไม การเมืองเป็นเรื่องของการชิงความได้เปรียบ จริงอยู่พรรคสีส้มอ้างเหตุผลถ้าไม่หนุน อนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะได้นายกฯ คนนอกแน่ เมื่อเลือกที่จะเดินเกมแบบนี้ ผลที่ตามมาเป็นเช่นนี้ก็ต้องก้มหน้ายอมรับ เพราะทุกอย่างว่ากันตามระบบ
*เล่ห์เหลี่ยมกลลวงไม่ได้ถูกระบุไว้ในกติกา แล้วแต่มือใครยาวสาวได้สาวเอา ที่สำคัญพรรคสีส้มคงลืมไปว่า การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของอนุทินนั้นมีอะไรหนุนหลัง เห็นได้จากทุกองคาพยพของอนุรักษ์นิยมหนุนหลังกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา คงเป็นอย่างที่ ธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคส้มว่า ใครทำอะไรไว้ประชาชนจะจดจำเอง แล้วแต่ว่าใครจะเลือกจำในมุมไหน แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ต้องยอมรับกันว่า น่าจะเป็นความทรงจำที่น่าอัปยศอดสูยิ่งสำหรับการเมืองไทย
*ไม่ใช่แค่เหตุผลที่ว่าพรรคสีน้ำเงินอยู่ในฐานะกุมความได้เปรียบ จึงเป็นเหตุให้ชิงยุบสภาก่อนเวลาที่ได้ประกาศไว้ เมื่อดูองค์ประกอบอื่นก็จะถือเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ต้องตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม การไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญนั่นประการหนึ่ง การล้มทำประชามติก็เป็นเรื่องที่สำคัญ อย่าลืมว่า บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ดันไปประกาศไว้กลางที่ประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบาย วันหย่อนบัตรเลือกตั้งนอกจากจะมีบัตรเลือก สส. 2 ใบ กับบัตรประชามติแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ยังจะขอทำประชามติเรื่องยกเลิกเอ็มโอยู 2543-2544 ที่กำลังจะกลายมาเป็นบ่วงรัดคอรัฐบาลเอง
*ด้วยเหตุที่ว่าถ้าจะทำประชามติเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ถ่องแท้เกี่ยวกับเนื้อหาของเอ็มโอยูทั้งสองฉบับเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงการเปิดข้อมูลข้อได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างไทยกับกัมพูชา กรณีมีหรือยกเลิกเอ็มโอยู ทั้งที่ที่ผ่านมา ในการถกของสภาต้องใช้การประชุมลับเพื่อไม่ให้ข้อมูลบางอย่างล่วงรู้ไปถึงเขมร ถ้าทำประชามติต้องเปิดเผยตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ จะใช้วิธีศรีธนญชัยแบบไหนก็เลี่ยงได้ยาก
*ยังไม่นับรวมรายละเอียดปลีกย่อยอื่นที่ พ.ร.บ.ประชามติมีบทบัญญัติเพิ่มเติมไว้ เช่น รัฐบาลและกกต.จะต้องให้ข้อมูลในส่วนของมาตรการป้องกัน แก้ไขและเยียวยาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการดำเนินการตามผลประชามติ ถ้าจะต้องมีการยกเลิกเอ็มโอยูทั้งสองฉบับจริง รัฐบาลจะต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชนก่อนวันออกเสียงประชามติว่า หากมีการยกเลิกจะมีมาตรการในการป้องกันเยียวยาความเสียหายอย่างไร
*ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา วันนี้รัฐบาลมีมาตรการหรือกลไกอื่นใดที่ดีกว่าเอ็มโอยู 43 ในการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาหรือไม่ ส่วนกรณีเอ็มโอยู 44 รัฐบาลมีวิธีการหรือมาตรการอย่างไรในการป้องกันไม่ให้เอกชนที่ได้ลงนามสัญญาสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ให้เอาเรื่องไปฟ้องอนุญาโตตุลาการเรียกค่าเสียหายกับรัฐบาลไทย
*ไม่ใช่เล่นกับกระแส หวังคะแนนนิยมและเอาความสะใจเพียงอย่างเดียว ความจริงเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบ หากเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ รัฐบาลเส้นใหญ่ใช้อำนาจที่มี กับเหตุผลเขมรละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายประกาศ เป็นเงื่อนไขในการยกเลิกเอ็มโอได้ทันที อยู่ที่ว่ากล้าหาญขนาดไหน รอดูกันว่าที่ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศไปตอบกระทู้ของฝ่ายค้านจะหารือกับบวรศักดิ์และคณะ พร้อมมีบทสรุปในสัปดาห์นี้ จะเป็นจริงดังว่าหรือแค่ยื้อซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
อรชุน