พาราสาวะถี

แม้ทางเกาหลีใต้จะยืนยันว่าข่าวนายกรัฐมนตรีโสมขาวเปิด 7 รายชื่อนักการเมืองไทยเอี่ยวเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชาไม่เป็นความจริง


แม้ทางเกาหลีใต้จะยืนยันว่าข่าวนายกรัฐมนตรีโสมขาวเปิด 7 รายชื่อนักการเมืองไทยเอี่ยวเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชาไม่เป็นความจริง แต่ อนุทิน ชาญวีรกูล ก็สั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมกับให้ วรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่มีข่าวว่าติดโผดังกล่าวให้ชี้แจงต่อนายกฯ เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย เพราะเจ้าตัวได้แจ้งกับนักข่าวไปแล้วว่าจะมีการแถลงเรื่องนี้ภายในสัปดาห์นี้ จำเป็นต้องขยับเพราะหากติดตามความเคลื่อนไหวจะพบว่า มีคนในรัฐบาลเอี่ยวอย่างน้อย 4 จาก 7 รายชื่อ

โดยที่สองรายนั้นเป็นถึงระดับรัฐมนตรี หนึ่งคนถูกเปิดแล้วคือวรภัค ขณะที่อีกรายแทบจะไม่ต้องเดาว่าคือใคร อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ถูกปล่อยออกมาแม้จะเป็นเรื่องเท็จ แต่ในทางกลับกันข้อมูลชุดนี้กลับเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทางฝ่าย ฮุน เซน นำมาเป็นเครื่องมือต่อรอง เพื่อให้ทางฝ่ายไทยเดินหน้าประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชาหรือเจบีซี ที่จันทบุรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 ต.ค.) จะได้ถกกันนำไปสู่ข้อตกลงเพื่อปูพื้นสู่เวทีลงนามสันติภาพในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซียปลายเดือนนี้ ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ หมายมั่นปั้นมือจะมานั่งเท่ห์ ๆ ในฐานะผู้นำการสยบความขัดแย้งของสองประเทศ

ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ยังมีอีกหนึ่งเวทีสำคัญคือการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือจีบีซี ที่เดิมไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประชุม เป็นการถกต่อจากวงหารือครั้งก่อนหน้า 10 กันยายนที่เกาะกง แต่ได้มีการย้ายวงไปหารือกันที่มาเลเซียแทน เพื่อจะได้สอดรับกับการเตรียมลงนามสันติภาพดังกล่าว ตรงนี้แหละที่น่าสนใจ เพราะฟังจากถ้อยแถลงของ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ เหมือนจะไม่สอดประสานกัน

ทางบิ๊กเล็กมองโอกาสจะมีบทสรุปจากวงจีบีซีอยู่ที่ 50:50 จากปัจจัยสำคัญคือ เขมรต้องยอมทำตาม 4 เงื่อนไขของไทยก่อนหน้านี้ หากไม่ให้ความร่วมมือ ไม่กำหนดแผนปฎิบัติใน 4 เงื่อนไข จะส่งผลกระทบต่อเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแน่นอน พร้อมประกาศกร้าวตรงนั้นไทยไม่สนใจแล้ว เพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศ เรามีศักดิ์ศรี และพยายามทำด้วยสันติวิธีตามกติกาสากลแล้ว แต่ เมื่ออีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

อุปสรรคสำคัญในการเจรจาที่มีคำถามว่าฝ่ายเขมรพร้อม หรือจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบไหนในการหลบหลีกข้อเสนอของไทยนั่นก็คือพื้นที่ปัญหาบ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่ทางบิ๊กเล็กย้ำว่า พื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์จะมีการพูดคุยในจีบีซี และเร่งให้กัมพูชากำหนดแผนอพยพคนออกจากพื้นที่ หากประชุมไม่สำเร็จ การลงนามสันติภาพก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น รวมทั้งยืนยัน ว่าการประชุมจีบีซีรอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ไม่ประชุมให้เปลืองภาษีอีกแล้ว

ขณะที่สีหศักดิ์ยังมองโลกในแง่ดีตามวิถีของนักการทูตนั่นก็คือ เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันได้และสามารถตกลงกันได้ การประชุมจีบีซีเกี่ยวกับเรื่องที่จะลงนาม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นถ้อยแถลงตามที่คุยกัน เชื่อว่าจะสามารถทำแผนงานในรายละเอียดต่าง ๆ ได้ แต่ด้วยความที่หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล วางเดิมพันด้วยกระแสชาตินิยมไว้สูง จึงมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าหากเขมรยังคงเล่นแง่ไม่มีอะไรที่ทำให้เชื่อใจได้ อาจจำเป็นที่จะต้องยอมแข็งข้อต่อข้อเสนอของพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯ

เนื่องจากที่ประชุมครม.บิ๊กเล็กได้เสนอกรอบที่จะนำไปหารือในวงจีบีซีเพิ่มข้อที่ 5 มานอกเหนือจาก 4 เงื่อนไขเดิม นั่นก็คือ หากไม่เป็นไปตาม 4 ข้อ ไทยขอไม่ลงนามในการประชุมจีบีซีครั้งนี้ โดยที่ประชุม ครม.ได้ความเห็นชอบกรอบดังกล่าว นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเชลยศึกที่กัมพูชายื่นเงื่อนไขในเอกสารว่าด้วยความตกลงสันติภาพ ไทยก็ยืนเงื่อนไขเขมรต้องทำตาม 4 ข้อที่ได้เรียกร้องไปก่อน หากไม่ทำจะไม่มีการส่งตัวเชลยศึกกลับ

เป็นโจทย์ยากไม่น้อยสำหรับอนุทิน ด้านหนึ่งต้องเผชิญกับแรงกดดันจากผู้นำสหรัฐฯ ที่ต้องการจะเป็นผู้นำสันติภาพ ถึงขนาดยื่นเป็นเงื่อนไขหลักของการเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ขณะที่อีกด้านก็เป็นแรงกดดันจากกระแสของประชาชนในประเทศที่ไม่อยากให้หลงเหลี่ยมของเขมร ผนวกกับท่าทีของฝ่ายกองทัพที่ต้องการให้การแก้ปัญหาพื้นที่ส่วนที่ไทยถูกรุกล้ำอธิปไตยมีความเด็ดขาด การตีกรรเชียงจึงไม่น่าจะเป็นผลดีต่อรัฐบาล

สิ่งที่รัฐบาลเสี่ยหนูลุ้นและหวังว่าจะช่วยทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนเปลี่ยนท่าที ยอมทำตามที่ฝ่ายไทยเรียกร้องคงหนีไม่พ้น แรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจทั้งหลายที่กำลังเล่นงานเขมรอย่างหนักหน่วงต่อปัญหาสแกมเมอร์ เท่ากับกำลังถูกรุกให้หลังพิงฝา แต่ต้องอย่าลืมว่าหากหันหน้ามาญาติดีกับไทย เหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ก็จะตอบคำถามกับชาวเขมรที่ถูกปลุกกระแสคลั่งชาติกันไปก่อนหน้าได้ลำบาก น่าสนใจไม่น้อยว่าท้ายที่สุด จอมปลิ้นปล้อนจะหาทางออกต่อสถานการณ์นี้อย่างไร

ส่วนความเคลื่อนไหวว่าด้วยพรรคการเมือง ภาพการเปิดที่ทำการพรรคใหม่ของคนบ้านในป่า ทำให้เห็น การถูกพลังดูดเล่นงานไปไม่น้อยจากคนกันเอง แต่หนนี้แตกต่างออกไป เพราะไม่ได้ใช้เรื่องของอำนาจและคดีความมาเป็นแรงบีบ แต่อาศัยข้อเสนอที่ยากปฏิเสธ บวกเข้ากับพลังสนับสนุนอันวิเศษ ทำให้เห็นว่าโอกาสที่พรรคภูมิใจไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดดในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว พรรคกล้าธรรมจะเป็นอีกทางเลือกของคนที่อยากย้ายคอกแบบมีข้อแลกเปลี่ยนแต่กลัวการสอบตกหากไปสังกัดพรรคสีน้ำเงิน เหมือนเป็นสถานที่รับเลี้ยงพวกงูเห่าเพื่อเพิ่มพลังในการต่อรอง และพร้อมเปลี่ยนสีทันทีที่การเมืองเปลี่ยนขั้ว

อรชุน

Back to top button