
TNR ดัชนีความสุข.!?
การแจ้งงบงวดไตรมาส 3/2568 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เสร็จสิ้นไปแล้ว บางบริษัทกำไรก็ดีเกินคาด พาให้หุ้นวิ่งบันเทิงเริงใจ
การแจ้งงบงวดไตรมาส 3/2568 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เสร็จสิ้นไปแล้ว บางบริษัทกำไรก็ดีเกินคาด พาให้หุ้นวิ่งบันเทิงเริงใจ ในขณะที่หลายบริษัทกำไรน่าผิดหวัง เลยเห็นราคาหุ้นเละเป็นโจ๊ก แต่มาสะดุดตาที่บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ซึ่งโชว์ฟอร์มโตระเบิดระเบ้อ ฟาดกำไรสุทธิไป 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท
บางคนอาจพอรู้แบ็กกราวนด์ของ TNR อยู่แล้ว แต่ก็น่าจะมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่า TNR ทำมาหากินอะไร..?? ขณะที่ท่านชายหลายคนตอนนี้อาจเป็นลูกค้าของ TNR อยู่ แต่ไม่รู้ตัวก็ได้นะ…
TNR ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น โดยธุรกิจหลักแบ่งเป็น 2 กลุ่ม…กลุ่มแรก ธุรกิจถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ขายภายใต้แบรนด์ตัวเองในชื่อ ONETOUCH และได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายแบรนด์ PLAYBOY Condoms ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ ยังรับจ้างผลิต (OEM) ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นให้กับบริษัทและองค์กรอื่น ๆ รวมถึงงานประมูล (Tender) ในตลาดโลกอีกด้วย
ส่วนอีกกลุ่ม เป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายกล่องกระดาษ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากพืชสมุนไพร และให้บริการวิเคราะห์ วิจัย ทดสอบเพื่อหาสารสำคัญในพืชสมุนไพรและพืชผลทางการเกษตรทุกชนิด แต่ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย…
นักลงทุนจึงรู้จัก TNR ในฐานะหุ้นถุงยาง..!!
ในงบไตรมาส 3/2568 TNR รายงานรายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 447 ล้านบาท ลดลง 111 ล้านบาท หรือลดลง 19.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 มีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากงานประมูลในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอเมริกา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ
ประกอบกับการลดลงของรายได้จากงาน OEM เนื่องจากคำสั่งซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการผลิตและรอการส่งมอบ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าการรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2568 นี้ ผสมโรงกับได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลให้มูลค่ายอดขายลดลง
จุดที่น่าสนใจ แม้รายได้จากตลาดต่างประเทศลดลง แต่รายได้จากการขายและบริการในประเทศกลับเติบโตดี โดยเฉพาะยอดขายจากแบรนด์ ONETOUCH จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากช่องทางออนไลน์
TNR เลยกลายเป็นหุ้นที่ทำให้ผู้ถือหุ้นและคนที่เข้าไปลงทุนสุขสมอารมณ์หมายกันอย่างพร้อมเพรียง..!?
ทว่านอกจากจะโชว์งบสวยแล้ว TNR ยังใจป้ำจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอีกต่างหาก โดยเคาะจ่ายในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 พ.ย. 2568 และรับเงินเข้ากระเป๋าในวันที่ 12 ธ.ค. 2568
ถ้าดูจากราคาปิดล่าสุดวานนี้ (18 พ.ย. 2568) ที่ 6.10 บาท คิดเป็นดิวิเดนด์ยีล 3.27% เชียวหนา…ก็ไม่น้อยนะ
แล้วการที่รายได้จากการขายและบริการในประเทศโตแรงอย่างนี้ บ่งบอกว่ากำลังซื้อมีมากขึ้น เมื่อยอดขายมากขึ้น ก็หมายถึงปริมาณการใช้ก็มากขึ้น ซึ่งความสำคัญของตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าดัชนีความสุขของคนไทยมีมากขึ้นนะเนี่ย ส่วนจะสุขแบบไหน..?? ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าถามว่า TNR จะทำให้นักลงทุนสุขสมอารมณ์หมายไปได้สักกี่น้ำ…??
คำตอบคงอยู่ที่มูลค่าตลาดถุงยางอนามัยทั่วโลก ซึ่งปี 2567 มีมูลค่า 1.26 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ Grandview Research คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะขยายเป็น 2.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 8.9% ช่วงปี 2568-2573
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ได้แก่ 1) การตระหนักรู้เรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/เอชไอวี 2) การเข้าถึงที่กว้างขึ้นผ่านร้านค้าและช่องทางออนไลน์ 3) นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (เช่น ปราศจากน้ำยาง, แบบบาง, แบบมีพื้นผิว) และ 4) โครงการรณรงค์จากภาครัฐและหน่วยงานสาธารณสุข
ดูทรงแล้วก็น่าจะอีกหลายน้ำนะ…
เอาเป็นว่า ใครจะสุขยังไง..?? ไม่รู้ ๆ
แต่จากงบที่ออกมากำไรดี แถมมีปันผลให้อีก บอกได้เลยว่าสุขหลาย ๆ…
…อิ อิ อิ…