
ช่วงสั้นคาด SET ไซด์เวย์ในกรอบ ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่
InnovestX มองว่า Hassett เป็นตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธาน Fed เพราะทรัมป์ไว้ใจ และมีจุดยืนพร้อมลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตามที่ทรัมป์ต้องการ
InnovestX มองว่า Hassett เป็นตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธาน Fed เพราะทรัมป์ไว้ใจ และมีจุดยืนพร้อมลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตามที่ทรัมป์ต้องการ และมีมุมมองบวกเกี่ยวกับ crypto ซึ่งหาก Hassett ได้รับตำแหน่ง ตลาดคาดว่าดอกเบี้ยจะลงเร็วสู่ 2.5-3% ภายในปลายปี 2569 ส่งผลดีต่อหุ้น crypto และทองคำ แต่ดอลลาร์จะอ่อนค่าและ bond yields อาจขึ้นจากความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของ Fed
ทั้งนี้ InnovestX มองว่าหาก Hasset ได้รับตำแหน่ง อาจทำนโยบายการเงินผ่อนคลายเกินไปท่ามกลางเงินเฟ้อที่จะพุ่งสูงขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับสูงขึ้น ซึ่งหากทรัมป์สั่งให้ Hasset ทำ QE เพื่อให้ผลตอบแทนพันธบัตรลดลง อาจเป็นความเสี่ยงทำให้ผู้คนไม่เชื่อมั่นในเงินดอลลาร์และทำให้กระแส dedollarization รุนแรงขึ้นจนกระทบตลาดเงินตลาดทุนได้
ส่วนยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ที่ต่ำกว่าคาดสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชะลอการซื้อ โดยยอดขายรถยนต์และสินค้าอุปโภคบริโภคบางชนิด (control-group) ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และ 5 เดือน ตามลำดับ สะท้อนภาพ K-shaped recovery ที่ชัดเจน โดยผู้บริโภครายได้สูงยังใช้จ่ายได้ดีจากตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง ขณะที่ผู้บริโภครายได้ต่ำกำลังประสบปัญหาจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นและตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ จากยอดค้าปลีก, Beige Book ที่เผยให้เห็นการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องและการจ้างงานที่อ่อนแอ และเจ้าหน้าที่ Fed สองท่านส่งสัญญาณสนับสนุนการลดดอกเบี้ย ทำให้ความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมอยู่ที่ประมาณ 80%
สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET จะยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1,240-1,290 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ ๆ โดยสัปดาห์หน้าปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ พ.ย. ซึ่งเราคาดจะหดตัว 0.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากที่หดตัว 0.76% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในเดือน ต.ค., ครม. เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาน้ำท่วมใต้และช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการ SMEs ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ดัชนี PCE ก.ย., ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ พ.ย. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 3 ธีมเทรดดิ้งซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาดไตรมาส 4/68 กำไรยังเติบโตดีเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC, BDMS, BEM, BGRIM, GULF, PTT
- หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP, DIF, KTB, PTT, TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM, KBANK, SAT, THANI, TLI
- หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL, GPSC, TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP, MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF, FTREIT, LHHOTEL
- Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการฟื้นฟูซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังพ้นจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO, GLOBAL 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกหลัง ครม. เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเร่งด่วน (BOI Fast Pass) เพื่อปลดล็อกเม็ดเงินลงทุนในไทยแล้ว แนะนำ กลุ่มนิคม (WHA, AMATA) และ 3) หุ้นที่คาดนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบ 1H69 ซึ่งจะมีการประกาศในช่วงกลางเดือน ธ.ค. นี้ แนะนำ SAWAD, ITC
นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล
ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team
บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX