ปลูกกล้วยหนีภาษีสิ้นคิดทายท้าวิชามาร

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้วนับจากนี้หน่อกล้วยคงขายดีเพราะถ้าไม่อยากเสียภาษีที่รกร้างว่างเปล่า 5% ก็ปลูกกล้วยสิกลายเป็นที่ดินการเกษตรฉับพลันหรือไม่งั้นปลูกผักพอเพียงก็ได้พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อเท่ๆเห็นไหมจบปริญญาเอกเมืองนอกกลับมาทำเกษตรอินทรีย์กลางดงตึกสูงเย้ยทุนนิยมโลกาภิวัตน์


ใบตองแห้ง

 

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้วนับจากนี้หน่อกล้วยคงขายดีเพราะถ้าไม่อยากเสียภาษีที่รกร้างว่างเปล่า 5% ก็ปลูกกล้วยสิกลายเป็นที่ดินการเกษตรฉับพลันหรือไม่งั้นปลูกผักพอเพียงก็ได้พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อเท่ๆเห็นไหมจบปริญญาเอกเมืองนอกกลับมาทำเกษตรอินทรีย์กลางดงตึกสูงเย้ยทุนนิยมโลกาภิวัตน์ 

พูดอย่างนี้ไม่ได้เชียร์เศรษฐีกักตุนต่อต้านภาษีที่ดินถ้าจะเก็บภาษีคนรวยเอาด้วยอยู่แล้วแต่มาตรการที่เห็นอาจกลายเป็นเก็บคนรวยไม่ได้คนเดือดร้อนคือชาวบ้านทั่วไปซ้ำยิ่งเกิดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม 

ไม่เป็นธรรมตรงไหนง่ายๆ เลย ก็เอาคนมีบ้านราคาไม่ถึง 50 ล้านไปเทียบกับคนที่ต้องเสียภาษีประเภทอื่นๆสิครับ 

บ้าน 49 ล้านไม่เสียภาษีแต่ตึกแถวอยู่อาศัยขายของชำ 3-4 ล้านต้องเสีย 2% เพราะเป็นที่ดินเพื่อการพาณิชย์หรือที่นาปู่ย่าตายายบังเอิญถนนตัดผ่าน ราคาพุ่ง 10 ล้านเก็บต่ำๆ 0.2% ยังเสีย 2 หมื่นเลิกทำนาดีกว่าไหม 

หรือเทียบบ้านอยู่อาศัยด้วยกันบ้านหลังเดียว 49 ล้านสบายแต่ใครมี 2 หลังราคา 3 ล้านกับ 2 ล้านต้องเสียภาษี 

รัฐบาลอาจบอกว่าอย่ามี 2 หลังสิคิดง่ายไปไหม บ้านหลังที่ 2 ไม่ใช่บ้านตากอากาศเสมอไปมีคนตั้งเยอะที่ภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดมีที่มรดกพ่อแม่ยกให้ปลูกบ้านแต่ต้องมาทำงานในกรุงซื้อบ้านอยู่อาศัยอีกหลังอย่างนี้เสียเต็มๆ ใช่ไหม 

รัฐบาลกลัวคนชั้นกลางต่อต้านไม่ยอมใช้ร่าง พ.ร.บ.เดิมยุคสมหมายภาษี กลับยกเว้นบ้านอยู่อาศัยไม่เกิน 50 ล้านจนเกิดปัญหาลักลั่นไม่เป็นธรรมทั้งที่ความจริง หลักการเดิมถูกแล้วคือเก็บไม่เว้น แต่เริ่มจากเก็บต่ำๆแล้วค่อยเพิ่มเป็นขั้นบันไดบ้านใครแพงมากก็ทวีอัตราสูงขึ้นไป 

ผู้ถือครองที่ดินทุกรายควรต้องเสียภาษีเพราะได้บริการสาธารณูปโภคจากรัฐไม่งั้นก็ไม่เป็นธรรมกับคนไม่มีที่ดินถ้ากลัวเดือดร้อนก็ลดอัตราลงได้แต่ร่างใหม่นอกจากยกเว้นบ้านอยู่อาศัยจนเว่อร์ยังถ่างอัตราภาษีประเภทต่างๆซึ่งจะต้องใช้ข้าราชการจำนวนมากจำแนกประเภทประเมินราคา และจะตามมาด้วยปัญหาการใช้ดุลพินิจ 

อ้าวคิดง่ายๆ นะ บ้าน 49 ล้านคุณรู้ได้ไงว่าไม่ใช่ 51 ล้านข้าราชการใช้ดุลพินิจเพิ่มๆหย่อนๆ นิดเดียว จากไม่เสียเลยกลายเป็นเสีย 2.5 แสนต่างกับร่างเดิมของปู่สมหมายซึ่งเสียไล่ขั้นบันไดอยู่แล้ว 

ที่ดินเพื่อการเกษตรเสีย 0.2% ที่รกร้างว่างเปล่าร่างเดิม 1% นี่เพิ่มสูงปรี๊ด 5% เป็นใครก็ต้องหลบเลี่ยงสุดชีวิตจ่ายสินบนได้ก็จ่ายหรือไม่ก็ฟ้องศาลปกครองเป็นพันเป็นหมื่นคดีเอ้า พาศาลไปเดินดูหน่อยสินี่ปลูกหญ้าแฝกนะไม่ใช่รกร้างว่างเปล่า 

มองให้ลึกลงไปจะเห็นวิธีคิดรัฐราชการซึ่งคิดว่าระบบราชการจะใช้ดุลพินิจแยกแยะได้ถี่ถ้วนเป็นธรรมทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลยจะเกิดปัญหาทั้งฉ้อฉล อุปถัมภ์โต้เถียงขัดแย้งกันนอกเหนือจากใช้คนสิ้นเปลือง 

วิธีคิดเดียวกันนี่แหละที่ต้องการแยก “คนรวย” ออกจาก 30 บาทรักษาทุกโรคหรือยกเลิกเบี้ยสูงอายุ 600 บาทสำหรับคนมีตังค์ถ้าแยกแยะได้ง่ายก็ไม่ว่ากันแต่ชีวิตคนจริงๆ ซับซ้อนกว่านั้นถ้าต้องไปนั่งจำแนกประเมินทรัพย์สิน สอบสวนวินิจฉัย ฯลฯ เลิกคิดเถอะไม่คุ้มหรอก

Back to top button