“มัดแมน” เคาะ IPO 5.25 บ./หุ้น จ่อลงสนาม mai ก่อนสงกรานต์

“มัดแมน” หรือ MM ผู้ดำเนินธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) เคาะราคา IPO ที่ 5.25 บาท เปิดจอง 3-5 เม.ย.60 จ่อเทรด mai ก่อนเทศกาลสงกรานต์ โดยมีธ.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) หรือ MM เปิดเผยว่า หลังจากที่ร่วมกับ MM กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ MM ในเบื้องต้นที่ 5.00 – 5.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก

โดยที่ราคาสูงสุด มีความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบันกว่า 4 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรร ล่าสุด เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น บริษัทจึงพิจารณากำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่หุ้นละ 5.25 บาท โดยขั้นตอนต่อไปจะร่วมกับผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 6 ราย เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้นในวันที่ 3-5 เมษายนนี้ และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ MM เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 210,980,750 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่งส่วนแรกเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 41,437,135 หุ้น

โดยคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และส่วนที่สองจะเสนอขายต่อประชาชนและนักลงทุนสถาบันไม่เกิน 169,543,615 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 80 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ รวมกับหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SST

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ SST เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น (Pre-emptive Right) จะต้องจองซื้อที่ราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 5.50 บาทต่อหุ้น โดยผู้จัดการการจัดจำหน่ายจะดำเนินการคืนเงินส่วนต่างค่าจองซื้อระหว่างราคาเสนอขายสุดท้าย (5.25 บาทต่อหุ้น) และราคาจองซื้อ (5.50 บาทต่อหุ้น) ให้แก่ผู้จองซื้อตามที่ผู้จองซื้อระบุไว้ในใบจองซื้อ

ด้านนายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MM เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ขยายธุรกิจ ชำระหนี้ธนาคารและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยปัจจุบันมีธุรกิจหลัก 2 กลุ่มคือ ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์กับต่างประเทศ ได้แก่ 1.ดังกิ้น โดนัท 2.โอ บอง แปง และ 3.บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ และที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่ 1.ครัวเอ็ม 2.เกรฮาวด์ คาเฟ่ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์เกรฮาวด์ โดย ณ สิ้นปีที่ผ่านมา มีสาขารวมทั้งสิ้น 456 สาขา

ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจในโอกาสเติบโตที่ดี ถึงแม้มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิในปีที่ผ่านมา แต่เป็นการขาดทุนจากการตัดค่าจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการ และการด้อยค่าของสินทรัพย์ โดยบริษัทฯ มีแผนลงทุนเพิ่มสาขาร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในไทยเอง และขยายสาขาในต่างประเทศผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงมีแผนเปิดร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ แห่งแรกในอังกฤษ ใช้งบลงทุน 80-100 ล้านบาท เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับขยายธุรกิจในทวีปยุโรปผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงจะขยายสาขาดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ ในไทยอย่างต่อเนื่อง

อนึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันมีเงินลงทุนในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจไลฟ์สไตล์ ได้แก่ บริษัท โกลเด้น โดนัท (ประเทศไทย) จำกัด (GDT) ภายใต้แบรนด์ “Dunkin’ Donuts”, บริษัท เอบีพี คาเฟ่ (ประเทศไทย) จำกัด (ABP) ภายใต้เครื่องหมายการค้า”Au Bon Pain”, บริษัท โกลเด้น สกู๊ป จำกัด (GS) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Baskin Robbins”, บริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด (GHC) ภายใต้แบรนด์ Greyhound Cafe’

Back to top button