PDI บวกเกือบ 4% ลุ้นกำไรทั้งปีนิวไฮ รับราคาโลหะสังกะสีปรับตัวสูงขึ้น

PDI บวกเกือบ 4% หลังผนึก "แคนาเดียน โซลาร์" เซ็น MOU พัฒนาโซลาร์ฟาร์มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก – ลุ้นกำไรทั้งปีทำนิวไฮ รับราคาโลหะสังกะสีโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด ณ เวลา 12.30 น. ราคาอยู่ที่ 20.90 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 3.47% สูงสุดที่ 21.00 บาท ต่ำสุดที่ 20.40 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 90.13 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI ณ เวลา 12.30 น. ราคาอยู่ที่ 20.90 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 3.47% สูงสุดที่ 21.00 บาท ต่ำสุดที่ 20.40 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 90.13 ล้านบาท

นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ PDI เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ บริษัท แคนาเดียน โซลาร์ (Canadian Solar Inc.) หรือ CSIQ เพื่อเป็นพันธมิตรธุรกิจระหว่างสองบริษัทร่วมมือกันศึกษาและพัฒนาโอกาสในการร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์มอย่างน้อย 200 เมกะวัตต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเบื้องต้นได้พิจารณาประเทศไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาวและอินโดนีเซีย และจะพิจารณาประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมต่อไปในช่วงดำเนินการ

ทั้งนี้ หากราคาโลหะสังกะสีโลกในปี 60 ยังคงปรับตัวสูงต่อเนื่องอยู่ในระดับ 2,800 -2,900 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 60  กำไรสุทธิจะยังเติบโตมากและมีโอกาสสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในปีนี้บริษัทยังมีโลหะสังกะสีที่ผลิตจากแร่แม่สอดซึ่งมีต้นทุนต่ำอยู่อีกจำนวนกว่า 30,000 ตัน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากราคาเฉลี่ยสังกะสีโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก

นอกจากนี้บริษํษทยังมีรายได้จากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ญี่ปุ่นขนาด 2.27 เมกะวัตต์  และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาดที่จังหวัดตาก ขนาดกำลังการผลิต 6.5  เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งที่สองขนาด 10.73 เมกะวัตต์ ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าตามแผน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

สำหรับโครงการในส่วนของธุรกิจการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิลอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบทางด้านเทคนิคและขั้นตอนการเตรียมการขอใบอนุญาต บริษัทยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อสรรหาโครงการลงทุนในธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอื่นๆ และมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานทดแทน บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิล รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจก็อยู่ในการพิจารณาลงทุนของบริษัทเช่นกัน

Back to top button