TK อนาคตบริษัทยังสดใส

มีการวิเคราะห์กันว่า TK จะทำกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2560 อยู่ที่ 160 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และ 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศที่ดีขึ้น


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK จะทำกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2560 อยู่ที่ 160 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน และ 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศที่ดีขึ้น

สำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์เดือน พ.ย. จะอยู่ที่ 1.5 แสนคัน  เพิ่มขึ้น 11.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับตัวเลขยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น กอปรกับผลของฤดูกาลที่ไตรมาส 4 ปี 2560 จะมียอดขายรถจักรยานยนต์ที่ดีขึ้นจากฤดูการเก็บเกี่ยว และการใช้สอย ส่งผลให้คาดว่าสินเชื่อปี 2560 จะขยายตัวอยู่ที่ 15% โดยมองว่าบริษัทจะเน้นการขยายสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทจะมี Loan Yield สูงขึ้น คาดปี 2560 อยู่ที่ 33%

นอกจากนี้ ในปี 2561 มองว่าบริษัทจะมีปัจจัยต่างๆ หนุนการดำเนินงานของบริษัท ทั้งการขยายสินเชื่อในกลุ่มประเทศ CLMV โดยบริษัทได้วางแผนขยายสาขาในประเทศลาวเพิ่มขึ้น 2 สาขา และการปล่อยสินเชื่อ Microfinance ในประเทศพม่า, หนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP มีแนวโน้มลดลง และการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลดลง

ส่งผลให้มองว่าบริษัทสามารถขยายสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น และ Loan Spread ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทจะมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นในปี 2561 และเพียงพอต่อ IFRS 9 ส่งผลให้บริษัทจะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นในระยะยาวที่ลดลง โดยคาดว่าบริษัทจะมี Coverage Ratio ระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 137% ใกล้เคียงกับตัวเลขของกลุ่มธนาคาร

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 938.24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 852.42 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้ดอกผลจากการให้เช่าซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 133.06 ล้านบาท หรือ 0.27 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 112.43 ล้านบาท หรือ 0.23 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,716.52 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,512.43 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 357.05 ล้านบาท หรือ 0.71 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 327.99 ล้านบาท หรือ 0.66 บาทต่อหุ้น แสดงให้เห็นว่ามีการบริหารจัดการธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญทางนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี เพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสมปี 2561 ใหม่ที่ 20.00 บาท เนื่องจากเรามองเห็นการขยายตัวของสินเชื่อที่ดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และการลงทุนในต่างประเทศที่มีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้น โดยคาดว่าบริษัทจะมีอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิปี 2561-2563 คิดเป็น CAGR เฉลี่ยที่ 18%

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท สินทองหล่อ จำกัด 211,800,000 หุ้น 42.36%
  2. น.ส.ปฐมา พรประภา 27,566,667 หุ้น 5.51%
  3. นายประพล พรประภา 25,566,667 หุ้น 5.11%
  4. น.ส.ปฤณ พรประภา 21,227,700 หุ้น 4.25%
  5. บริษัท เอส.พี.อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด 18,200,000 หุ้น 3.64%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายชุมพล พรประภา ประธานกรรมการ
  2. น.ส.ปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ
  3. น.ส.ปฐมา พรประภา กรรมการ
  4. นายประพล พรประภา กรรมการ
  5. นายรักสนิท พรประภา กรรมการ

Back to top button