LOXLEY ฝันใหม่กับหวยออนไลน์

นับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2561 ราคาหุ้นบนกระดานของ LOXLEY เกิดอาการเด้งขึ้นอย่างร้อนแรงในลักษณะเปิดแก๊ปกว้าง ประกอบกับวอลุ่มการซื้อขายเข้ามาหนาแน่นที่ผิดไปจากช่วงที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิง


คุณค่าบริษัท

นับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2561 ราคาหุ้นบนกระดานของ LOXLEY หรือ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เกิดอาการเด้งขึ้นอย่างร้อนแรงในลักษณะเปิดแก๊ปกว้าง ประกอบกับวอลุ่มการซื้อขายเข้ามาหนาแน่นที่ผิดไปจากช่วงที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิง

โดยล่าสุดราคาหุ้นสามารถขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.40 บาท   

เหตุผลหลักที่สามารถกระตุ้นราคาหุ้น คือ หวังฝันใหม่กับหวยออนไลน์ว่ากองสลากฯอาจจะนำมาทบทวนใหม่อีกครั้ง หลังครม.ไฟเขียวแก้ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล…เรื่องรูปแบบการจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แก้ไม่ตก… กรณีขายสลากเกินราคาในรูปแบบใบเดียว และแบบชุด

ฝันหวานกับหวยออนไลน์จะกลับมา…เพราะก่อนหน้านี้ผู้บริหารสำนักงานสลากฯ มีแนวคิดจะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ หวยออนไลน์ออกมาจำหน่าย เพื่อแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคา ซึ่งหากการขายสลากแบบใบเดียว และแบบชุดยังแก้ไม่ตก การจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์รอบใหม่อาจกลับมาพิจารณา…

หากทุกอย่างเกิดขึ้นจริงทาง LOXLEY ก็จะได้รับประโยชน์ เนื่องจากบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเทคฯ บริษัทลูกของ LOXLEY เป็นผู้รับสัมปทานติดตั้งเครื่องจำหน่ายหวยออนไลน์ จากสำนักงานสลากฯนั่นเอง

นอกจากนี้บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 จะพลิกกลับมามีกำไรหลังจากไตรมาส 4 ปี 2560 มีผลขาดทุน 85 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2561 ไม่มีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆ เข้ามากดดัน อย่างที่มีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษในการตั้งสำรองของลูกหนี้การค้า คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จำนวน 337 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2560 ทำให้เป็นตัวฉุดผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2560 และผลการดำเนินงานทั้งปี 2560 ที่ทำได้เพียง 50.49 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และเริ่มมีการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ  ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2561 ฟื้นตัวขึ้น ส่วนในแง่ของอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปี 2561 ตั้งเป้าเพิ่มมาอยู่ที่ 2.5-3.0% จากปีก่อนที่ 0.31% มาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ที่จะมีการพิจารณาทยอยปิดบริษัทที่ไม่ทำกำไร การควบคุมต้นทุนและการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ

อีกทั้งจะได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมที่กลับมาเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งคาดว่าได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท จากปีก่อนที่ลดลงมาอยู่ที่ 483 ล้านบาท เพราะรับผลกระทบต้นทุนราคาวัตถุดิบเหล็กเพิ่มขึ้น ในบริษัท  NS BlueScope ที่ LOXLEY ถือหุ้น 20% และในปีนี้มีการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กเป็น 480,000 ตันต่อปี จากปีก่อนที่ 330,000 ตันต่อปี

ประกอบกับในส่วนบริษัท BP Castrol (Thailand) ที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเครื่องหล่อลื่น ซึ่ง LOXLEY ถือหุ้น 40% ในปี 2561 จะเน้นการทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง พร้อมกับเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ทำให้บริษัทมีเป้าหมายรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไอที ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจเน็ตเวิร์กโซลูชั่น และธุรกิจบริการ โดยจะมีการรับรู้รายได้ในปีนี้คิดเป็น 68% ของ Backlog ทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท เอกภาวี จำกัด 584,158,113 หุ้น 25.79%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 107,934,780 หุ้น 4.77%
  3. นายเกียรติชัย ลิมปิโชติพงษ์ 107,789,755 หุ้น 4.76%
  4. นายประวิทย์ จันทราประภาวัฒน์ 41,700,100 หุ้น 1.84%
  5. นายไพโรจน์ ล่ำซำ  37,368,481 หุ้น 1.65%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายธงชัย ล่ำซำ ประธานกรรมการบริษัท
  2. นายธงชัย ล่ำซำ ประธานกรรมการบริหาร
  3. นายสุรช ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่
  4. นายสุรช ล่ำซำ กรรมการ
  5. นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่

Back to top button