FTE อยู่ในเชิงบวก

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาทางบริษัท FTE ได้รับผลกระทบจากโครงการที่ล่าช้าและเงินบาทที่ผันผวน แต่ปัญหาดังกล่าวจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ไม่ช้าในไตรมาส 3 ปี 2561


คุณค่าบริษัท

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาทางบริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ได้รับผลกระทบจากโครงการที่ล่าช้าและเงินบาทที่ผันผวน แต่ปัญหาดังกล่าวจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ไม่ช้าในไตรมาส 3 ปี 2561

นอกจากนี้ บริษัทได้เร่งการยื่นประมูลงานโครงการออกแบบ ติดตั้งระบบดับเพลิงของภาครัฐและเอกชน รวมถึงการเข้าเสนองานกับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม เพื่อชดเชยโครงการที่มีความล่าช้า คาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 อีกด้วย

อีกทั้ง บริษัทเตรียมเปิดให้บริการสาขาระยองภายในเดือนมิถุนายน 2561 โดยมีแผนขยายฐานการเข้ารับงานติดตั้งระบบดับเพลิงโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์สำนักงาน และเริ่มเจรจากับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม คาดว่าจะสามารถรับงานและรับรู้รายได้ทันที เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ได้มีการเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการรับลูกค้าบางส่วนแล้ว

ขณะเดียวกันบริษัทเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมภาคตะวันออก จากปัจจัยสนับสนุนในอนาคตของโครงการ EEC ที่จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางถนน รถไฟ ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม และอาคาร ซึ่งมีความจำเป็นในการติดตั้งอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงในทุกที่ การเปิดสาขาดังกล่าวจะสามารถให้บริการลูกค้าทั้งในส่วนของงานรับเหมาและจำหน่ายอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ที่สำคัญบริษัทวางเป้าหมายรายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% มาอยู่ที่ราว 1,080 ล้านบาท หลังปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 110 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 240 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 60%

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทจะมีรายได้จากการขายและบริการทั้งสิ้น 220.54 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 232.72 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 16.62 ล้านบาท หรือ 0.03 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 27.23 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม หากดูฐานะทางการเงินของบริษัทถือว่ายังแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 866.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 124.10 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 6.98 เท่า แสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินมากเกินความจำเป็น จนอาจทำให้เกิดทุนจมเสียด้วยซ้ำ

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 135.59 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมีมากถึง 759.52 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.18 เท่า แสดงว่า บริษัทปลอดจากปัญหาหนี้สินมารบกวนจริง ๆ

ที่สำคัญในส่วนของค่า P/E ยังอยู่ที่ 11.50 เท่า ถือว่ายังไม่สูง ประกอบกับค่า P/BV ยังอยู่ที่ 1.82 เท่า ถือว่ายังต่ำอยู่

ขณะเดียวกันหากลองคำนวณด้วยมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 1.27 บาท เมื่อนำมาเทียบกับบริษัทจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยให้ค่า P/BV ที่ระดับ 2 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 2.54 บาท ซึ่งหากดูจากราคาหุ้นบนกระดานอยู่ที่ 2.30 บาท แสดงว่าราคาหุ้นยังมีแก๊ปเหลือให้เล่น

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายทักษิณ ตันติไพจิตร 230,336,400 หุ้น 38.39%
  2. น.ส.ปภานัน ตันติไพจิตร 66,075,000 หุ้น 11.01%
  3. นางปัทมาพร ตันติไพจิตร 46,902,400 หุ้น 7.82%
  4. นายปิยวัช ตันติไพจิตร 44,527,200 หุ้น 7.42%
  5. นายบรรพต จำรูญโรจน์ 28,200,000 หุ้น 4.70%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายพรศักดิ์ ลิ้มบุญยประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัท
  2. นายพรศักดิ์ ลิ้มบุญยประเสริฐ กรรมการอิสระ
  3. นายพรศักดิ์ ลิ้มบุญยประเสริฐ ประธานกรรมการตรวจสอบ
  4. นายทักษิณ ตันติไพจิตร รองประธานกรรมการ
  5. นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ

Back to top button