พาราสาวะถี

อรชุน

ผลเลือกตั้งหากยึดตามโพลก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย อย่างไรเสีย พรรคเพื่อไทยก็ชนะตามที่ ทักษิณ ชินวัตร ประกาศในงานแต่งงานของลูกสาวที่ฮ่องกง ติดอยู่ที่เพียงตัวเลขเท่านั้นที่เมื่อรวมกับเสียงฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว จะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งนั่นจะเป็นโจทย์ต่อไปในการที่พลังประชารัฐจะใช้สิทธิ์ในความเป็นพรรคอันดับ 2 ไปรวบรวมเสียงเพื่อเป็นตาอยู่คว้าพุงปลาไปกิน

ขณะที่ปัญหาเรื่องพรรคประชาธิปัตย์จะกระอักกระอ่วนใจต่อการจับมือกับพรรคสืบทอดอำนาจหรือไม่ คงตัดปัญหาไปได้ ถ้าตัวเลขเป็นไปตามนี้หมายความว่า หลังจากนี้เราจะได้เห็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศไขก๊อกจากความเป็นหัวหน้าพรรค เพราะได้ส.ส.ไม่ถึงร้อยตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ นั่นเท่ากับเป็นทางให้พรรคประชาธิปัตย์ลงมติเพื่อไปเข้าร่วมกับพรรคที่จะหนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อย่างสะดวกโยธิน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ปรากฏนี้ยังมีเงื่อนไขต่อไปว่า อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อีก หากผลการพิจารณาของกกต.แล้วพบว่าเรื่องร้องเรียนมีมูลแล้วจะต้องสอยว่าที่ส.ส.รายใด นั่นหมายความว่า คะแนนเสียงในระบบเขตของพรรคการเมืองหนึ่งก็จะหายไปเช่นเดียวกับคะแนนที่จะถูกนำไปคิดเป็นตัวเลขส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ตรงจุดนี้นี่แหละที่พรรคการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายประชาธิปไตยต่างจับตามองเป็นพิเศษ

คงจะเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า ความเชื่อถือ ศรัทธาที่ต่ำนั้น มันทำให้ข่าวที่เกิดขึ้นกับองค์กรซึ่งกำกับดูแลการเลือกตั้งทั้งระบบอย่างกกต.มีปัญหา ใครจะเชื่อว่าก่อนหย่อนบัตรหนึ่งวันเกิดกระแสข่าวมีการจัดซื้อปากกาหมึกล่องหนเพื่อให้คนใช้กาบัตร ร้อนถึง จรุงวิทย์ ภุมมา และ ณัฏฐ์ เล่าห์สีสวกุล เลขาฯและรองเลขาฯกกต.ต้องรีบออกมาแถลงข่าวแก้ต่างทันควัน

ทั้งนี้ พรรคที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้เกินความคาดหมายคงหนีไม่พ้นอนาคตใหม่ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ การได้ที่นั่งเกือบครึ่งร้อย แสดงให้เห็นว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา สำหรับพรรคเกิดใหม่ที่มีอายุยังไม่ถึงขวบ แน่นอนว่า ในทางการเมืองหากไม่มีเหตุอะไรที่ทำให้มัวหมอง ถือเป็นพรรคที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่จะพิสูจน์ในระยะยาวคือจุดยืนรวมถึงคำประกาศ ข้อสัญญาต่าง ๆ ที่ได้ประกาศไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้งสามารถทำตามได้อย่างครบถ้วนหรือไม่

อีกพรรคที่ได้กำไรคือ ภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล ถ้าไม่นับตามเป้าที่พรรควางไว้ เพราะถือว่าได้จำนวนที่มากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง ในภาวะหน้ามืดสำหรับพรรคที่อยากจะเป็นรัฐบาล จำเป็นที่จะต้องยอมในหลายเรื่องที่พรรคที่จะยื่นมือให้จับร้องขอ

แต่ต้องไม่ลืมว่า โจทย์ที่ว่าด้วยการเลือกตั้งเป็นโมฆะยังอยู่ เมื่อดูอำนาจพิเศษและมาตรายาวิเศษที่อยู่ในมือของคนที่จะขอเบิ้ลเก้าอี้นายกฯ ก็อาจจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ขู่ให้พรรคซึ่งจะมาร่วมยอมกันไปก่อน รอให้อำนาจดังว่าหมดไปเมื่อไหร่ หลังเข้าไปบริหารประเทศแล้ว จะเกิดภาวะต่อรองและถอนทุนกันอย่างรุนแรง ซึ่งนั่นจะเป็นเหตุสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลผสมอันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับรัฐบาลเผด็จการ

ด้วยเหตุนี้ ที่หลายคนทำนายอายุของรัฐบาลหลังเลือกตั้งจะอยู่ไม่ยืดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ไกลเกินจริง ถ้ายึดตามผลโพลที่ปรากฏพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะมีเสียงประมาณ 248 เสียง ซึ่งปริ่มกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส. 500 คนในสภาผู้แทนราษฎร อันหมายถึงเสียงที่จะสามารถสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลได้ตลอดเวลา เว้นเสียแต่ว่าจะมีพรรคหนึ่งพรรคใด เปลี่ยนจุดยืนไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจนั่นก็อีกเรื่อง

ปรากฏการณ์งูเห่าภาค 3 จึงยังเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ด้วยสภาพของกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยเช่นนี้ ต้องไม่ลืมว่า ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองในการลงเลือกตั้ง แต่เมื่อได้รับเลือกไปแล้ว การตัดสินใจใด ๆ ให้ถือเป็นเอกเทศไม่ต้องยึดโยงกับพรรค นั่นเท่ากับการเปิดทางให้บรรดาเสือหิวทั้งหลายสามารถเจรจายื่นหมูยื่นแมวกับฝ่ายกุมอำนาจได้

เงื่อนไขต่าง ๆ ที่องคาพยพของเผด็จการได้วางไว้ มันสะท้อนภาพอย่างชัดเจนแล้วว่า ทุกอย่างดำเนินการไปไม่ได้มองไปถึงความมั่นคงทางการเมืองหรือการเดินหน้าประเทศอย่างจริงจัง หากแต่เป็นเพียงแค่ขอให้ได้ไปต่อเพื่อบริหารจัดการสิ่งที่ยังคั่งค้าง จากนั้นค่อยไปวัดกันอีกกระทอกกับการเลือกตั้งหนใหม่ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วแน่นอน มิเช่นนั้น คงไม่เขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญให้ส.ว.ลากตั้งมีสิทธิ์ร่วมโหวตเลือกนายกฯในช่วง 5 ปีแรก

อันหมายถึงว่าส.ว.จะสามารถร่วมเลือกนายกฯในวาระของสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัยกรณีที่อยู่ครบเทอม แต่ถ้าอยู่กันไม่ครบ เลือกตั้งใหม่กันกี่ครั้ง คนที่จะได้เป็นผู้นำก็ต้องใช้เสียงของส.ว.ลากตั้งเป็นหลักอยู่ดี ออกแบบมาเช่นนี้แล้ว ใครจะสู้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ เรียกได้ว่าใช้วิธีการที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งจนกว่าฝ่ายตัวเองจะประสบชัยชนะก็ว่าได้

สิ่งที่น่าจับตามองสำหรับการฟอร์มรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐก็คือ การต่อรองในการคุมกระทรวงเกรดเอ ยังไม่ต้องพูดถึงการคุยกับพรรคการเมืองที่จะดึงมาร่วม เอาแค่บริหารภายในพรรคก่อน เมื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศลั่นว่าจองกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ไม่ให้ใครเข้ามาบริหารแทน แล้วจะส่งใครมากุมบังเหียน ในเมื่อแกนนำกลุ่มสามมิตรอย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ประกาศจองเก้าอี้ตัวนี้ไว้ตั้งแต่ไก่โห่ แต่ก็เกิดการปีนเกลียวกับกลุ่มแกนนำกปปส.ตั้งแต่คราวแย่งอันดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคแล้ว

เรียกได้ว่าการสืบทอดอำนาจจากแผนการที่วางกันไว้ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารจนกระทั่งมาสู่การเลือกตั้งในปีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นสำหรับเผด็จการคสช. ทุกอย่างใช้การทุบโต๊ะแล้วจบกัน แต่เมื่อบรรดานักการเมืองติดปีกกันแล้ว ต้องดูต่อไปว่าการสร้างภาพเป็นคนอารมณ์ดีของผู้นำเผด็จการ หลังตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจสำเร็จ จะยังคงยิ้มหวาน หัวเราะ หยอกล้อนักข่าวได้เหมือนก่อนหย่อนบัตรอีกหรือไม่ เมื่อเขี้ยวเจอเขี้ยว(ลากดิน)กว่า อะไรรออยู่ข้างหน้าน่าลุ้นกันเป็นอย่างยิ่ง