KTC คาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรปีนี้โต 15% ดันกำไรโตต่อเนื่อง

KTC คาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรปีนี้โต 15%-สินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัว 10% ดันกำไรโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าคุม NPL ใกล้เคียงปีก่อน


นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำไรปีนี้ จะยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ตามการเติบโตของธุรกิจบัตรเครดิต ที่คาดมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 15% และการเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตใหม่อีก 3.2-3.5 แสนบัตร

โดยบริษัทฯ ยังคงทำโปรโมชั่น และแคมเปญออกมาตลอดทั้งปี ทั้งการขยายฐานพันธมิตรร้านอาหาร ท่องเที่ยว และออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และยังขยายการร่วมมือกับพันธมิตรสถาบันการศึกษาเพิ่มเติม รวมถึงการออกแคมเปญ ผ่อนสินค้าได้นานสุด 36 เดือน เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการสมัครบัตรใหม่ และกระตุ้นยอดการใช้จ่ายของลูกค้า รวมถึงบริหารการชำระหนี้ของลูกค้าให้ตรงเวลา หรือให้มีประวัติการผ่อนชำระดี

สำหรับสถานการณ์การใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ยังคงเติบโตดีอยู่ แต่โตในระดับที่น้อยลงจากการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะด้านบริการเดลิเวอรี่ แต่ยังมีโอกาสเติบโตดีในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ต และออนไลน์ ขณะที่ในภาคการท่องเที่ยว เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอการออกตั๋วเครื่องบิน และยกเลิกตั๋ว ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด

ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปีก่อนอยู่ราว 7% เนื่องด้วยในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลทำให้ลูกค้ามีความต้องการใช้เงินจำนวนมาก อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ตั้งเป้าคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมปีนี้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 1.06% แม้ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณคุณภาพของสินทรัพย์ (Asset Quality) แย่ลง และเศรษฐกิจชะลอตัว มีผลกระทบต่อลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้า Manufacturing และ Trading แต่บริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถรับมือได้ดีกว่าค่ายอื่น จากการคัดเลือกลูกค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีแผนนำเทคโนโลยีเข้ามา คาดจะช่วยให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลงในระยะยาว

ในปีนี้เป็นปีที่ท้ายปีหนึ่ง ซึ่งบริษัทฯ จะพยายามหาลูกค้าเข้ามาในพอร์ต และบริหารลูกค้าให้เกิดการใช้จ่าย และผ่อนชำระตรงเวลา ขณะเดียวกันก็ยังเป็นปีที่เริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ซึ่งอาจเห็น NPL เพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส ซึ่งเป็นไปตามการคำนวณของมาตรฐานบัญชีฯ แต่มั่นใจว่าจะไม่กระทบกับกำไร”นายระเฑียร กล่าว

ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 3 เรื่อง เพื่อลดภาระของประชาชนและผู้ประกอบการ SME นั้น มองว่าไม่กระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯยังไม่มีใครยื่นขอให้มีการปรับลดดอกเบี้ย และหากมีการขอลดจริง บริษัทฯ จะมีการพิจารณาเป็นรายๆ ไป

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนออกหุ้นกู้ ในช่วงกลางปีนี้ในวงเงินประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบอายุภายในปีนี้ และใช้รองรับการขยายธุรกิจ ประกอบกับบริษัทฯ ก็เตรียมขอวงเงินจากผู้ถือหุ้น ในการประชุมผู้ถือหุ้นปีนี้ อีกราว 30,000 ล้านบาท เนื่องด้วยวงเงินที่เคยขอไว้คงเหลืออยู่ที่ 10,000 ล้านบาท

Back to top button