กล้าเคาะขวาไหม ?

* หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตามสถิติเก่าที่เคยมีการบันทึกไว้ “โมนิก้า” ย่อมมองตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในลู่ทางของการทยอยซื้อ เพราะเป็นช่วงการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงของฝรั่งกับกองทุน ส่งผลให้โมเมนตัมของหุ้นอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลง ซึ่งเป็นเรื่องที่แฟนคลับเห็นกันมาแล้วหลายรอบด้วยกัน เพียงแต่เที่ยวนี้โดนเรื่องโควิด-19 ในต่างประเทศระบาดหนักรอบสอง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังไม่บรรลุข้อตกลงตามหลอกหลอน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดอาการงึก ๆ งัก ๆ ไงล่ะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตามสถิติเก่าที่เคยมีการบันทึกไว้ “โมนิก้า” ย่อมมองตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในลู่ทางของการทยอยซื้อ เพราะเป็นช่วงการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงของฝรั่งกับกองทุน ส่งผลให้โมเมนตัมของหุ้นอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลง ซึ่งเป็นเรื่องที่แฟนคลับเห็นกันมาแล้วหลายรอบด้วยกัน เพียงแต่เที่ยวนี้โดนเรื่องโควิด-19 ในต่างประเทศระบาดหนักรอบสอง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่บรรลุข้อตกลงตามหลอกหลอน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดอาการงึก ๆ งัก ๆ ไงล่ะจ๊ะ

* เมื่อบรรยากาศไม่เอื้อต่อการซื้อหุ้นข้ามสัปดาห์ “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า ยุทธวิธีเคาะหุ้นในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเล่นรอบ หลังข้อมูลหลายอย่างชี้ให้เห็นมุมของการเล่นสั้นยังเปิดกว้าง ผนวกกับดัชนีลงมาในจุดน่าเล่นพอดี (แนวรับ 1,230 จุด) เดี๊ยนถึงมองการอ่อนตัวของหุ้นบลูชิพที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ยังเป็นลักษณะของการโยกตัวเล่นเหมือนเช่นในช่วงที่ตลาดหุ้นโดนปัจจัยลบรุมกระหน่ำ..อิอิอิ

* ฉะนั้นการที่ดัชนียืนในระดับ 1,233.68 จุด ลบไป 9.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.45 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเกมเดิมที่ม้าแก่ชำนาญทางเข้าใจอย่างถ่องแท้ ซึ่งเห็นตัวอย่างได้จากสถานการณ์ของหุ้นกลุ่มแบงก์ที่เกิดในเวลานี้ ล้วนมีโมเมนตัมแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เพราะปัญหาหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3 ยังแก้ไม่ตก ขณะที่การปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่เพื่อสร้างรายได้ก็ยังสะดุด เดี๊ยนถึงเข้าใจอารมณ์ของนักเล่นที่มีต่อหุ้นกลุ่มนี้เจ้าค่ะ

* โดยเฉพาะในมุมของหุ้น TISCO เด้งสวนภาวะตลาดอย่างแข็งแกร่ง มันก็มาจากกำไรลดลงน้อยกว่าที่โบรกเกอร์คาด ซึ่งเป็นจังหวะของการขึ้นรับข่าวช่วงสั้นอีกตามเคยกระมั้ง ! เพราะเที่ยวก่อนก็จบรอบแถว ๆ 70 บาท ต่อจากนั้นก็มาตั้งต้นกันที่ระดับ 65 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองราคาปิดที่ 68.25 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท ยังน่าลุยต่อไหม ?

* เหมือนสตอรี่ที่ปูให้กับหุ้นปูนใหญ่ SCC ก็มาจากบริษัทลูกที่ทำกล่องกระดาษจะเข้าเทรด บรรดากองทุนเลยไล่ซื้อหุ้นแม่เพื่อใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นลูก ผนวกกับมีการตีความหุ้นแม่จะได้แวลูเพิ่มขึ้น หุ้นถึงเด้งจากระดับ 320 บาทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปชนเพดานแถว 350 บาท พร้อมกับไหลลงอย่างช้า ๆ จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 334 บาท ลบไป 7 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 925 ล้านบาท น้องโมบอกได้แค่ว่า เดี๋ยวก็ไล่ราคากันใหม่..อิอิอิ

* ส่วนรายที่สร้างความผิดหวังให้กับนักเล่น คงหนีไม่พ้นหุ้น BGC หลังประกาศเพิ่มทุนจำนวนมหาศาล เพื่อรวบบริษัทในเครือมาไว้ในทีเดียว ซึ่งตามตำราเขาเรียกกลยุทธ์นี้ว่า “อัฐยายซื้อขนมยาย” แถมโปรไฟล์ทั้ง 3 บริษัทไม่เลิศหรูเสียด้วย จึงโดนกระหน่ำขายลงมากองที่ระดับ 9.85 บาท ลบไป 2.55 บาท หรือลงไป 20.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 338 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นในกระดานต่ำกว่าราคาเพิ่มทุน 10.20 บาทไงล่ะจ๊ะ

* อีกรายที่ทรุดลงมาหลายวันติดต่ออย่าง PRM ก็มาพร้อมกับความกังวลเรื่องกำไรไม่นิ่ง “โมนิก้า” จึงต้องเอ่ยถึงเรื่องราวดังกล่าว เพื่อให้แฟนคลับได้เห็นทิศทางหุ้นที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลง ซึ่งในเบื้องต้นเชื่อว่า เส้นแนวรับ 200 วันที่บริเวณ 7.70 บาทน่าจะเป็นจุดเด้งที่สำคัญสำหรับเที่ยวนี้ เลยอยากให้แฟนคลับมองการยืนปิดที่ระดับ 8 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 5.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 343 ล้านบาท น่าสนใจอ๊ะป่าว ?

* ขนาดที่ว่า แน่ ๆ แข็ง ๆ อย่างหุ้น ICHI ยังโดนขาประจำสาดทิ้ง 3 วันติด จนสุดท้ายลงมายืนที่ระดับ 10.90 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น เพราะการลงมายืนใกล้โลว์เก่าที่บริเวณ 10.30 บาท มันทำให้จังหวะการเล่นเที่ยวนี้มีลุ้นเสียวอีกครั้ง..หากเอาไม่อยู่จริง ๆ คงลงไปเจอกันที่เส้นแนวรับ 75 วันบริเวณ 9.80 บาทนะตัวเอง

Back to top button